Categories
ขนมหวาน

วุ้นแมงลัก

วุ้นแมงลัก เมนูขนมง่าย ๆ ทำได้เองแถมราคาประหยัด

วุ้นแมงลัก

เราคือหนึ่งในคนที่ต้องมีขนมหวานติดบ้าน โดยเฉพาะพวกขนมที่แช่เย็นไว้ได้ พอเอาออกมาทานตอนอากาศร้อน ๆ หรือตอนหัวร้อน ๆ มันช่วยเยียวยาให้ชุ่มฉ่ำแล้วเย็นลงได้ มีใครเป็นเหมือนเราบ้างเอ่ย ? เอาเป็นว่าที่กล่าวมาก็คือ เรานั้นสูญเสียเงินไปกับการตุนขนมในตู้เย็นไปหลายบาท คราวนี้เราเลยคิดว่าจะมาชวนทุกคนทำเมนูขนมง่าย ๆ ใช้วัตถุดิบไม่ต้องเยอะ ราคาประหยัด ทำเก็บไว้ในตู้เย็นไว้ทานเล่น เมนูนั้นก็คือ วุ้นแมงลัก นั่นเอง เชื่อว่าทุกคนนึกภาพออกมาอย่างแน่นอน ภาพวุ้นแมงลักน้ำแดงในถ้วยพลาสติกเล็ก ๆ นั่นแหละใช่เลยที่เราจะชวนทุกคนมาทำ แอบบอกก่อนว่านี่ถือเป็นวิธีทำวุ้นแมงลักที่แบบสะดวกง่าย เหมาะกับมือใหม่อยากทำขนมทานเองมาก ๆ  

                วันนี้สูตรวุ้นแมงลักที่เราหามาลองทำจะเป็นส่วนผสมและวิธีทำวุ้นน้ำแดงเฮลบลูบอยใส่เม็ดแมงลัก เป็นวิธีทำวุ้นง่าย ๆ ไม่ต้องยุ่งยากมีไม่กี่ขั้นตอนแค่ต้มเม็ดแมงลัก ทำตัววุ้นน้ำแดง ตักใส่พิมพ์ แช่เย็นวุ้นข้ามคืนเพียงเท่านี้ก็มีวุ้นแมงลัก อร่อย ๆ หวานเย็นชื่นใจไว้รับประทานแล้ว มาดูส่วนผสมและวิธีทำวุ้นแมงลักกันเลยดีกว่า

ส่วนผสมวุ้นน้ำแดงแมงลัก

  1. น้ำเปล่า                          1,000 มิลลิลิตร
  2. น้ำตาลทราย                  80 กรัม (สามารถเพิ่มลดได้ตามระดับความหวานที่ชอบ)
  3. น้ำหวานเฮลบลูบอย      8 ช้อนโต๊ะ
  4. ผงวุ้น                               1 ช้อนโต๊ะ
  5. เม็ดแมงลัก                     1 ช้อนโต๊ะ
  6. น้ำเปล่า                          800 มิลลิลิตร สำหรับแช่เม็ดแมงลัก
  7. ถาด แม่พิมพ์ซิลิโคน หรือจะเป็นถ้วยพลาสติกไว้ใส่วุ้น

วิธีทำวุ้นแมงลัก

ขั้นตอนที่ 1 แช่เม็ดแมงลักแห้งลงในน้ำเปล่าทิ้งไว้ประมาณ​ 15-20 นาที สังเกตให้เม็ดแมงลักมันพองตัว

ขั้นตอนที่ 2 ระหว่างที่รอเม็ดแมงลักพองตัว เตรียมวุ้นรอ เริ่มจากเทน้ำเปล่าลงหม้อแล้วนำไปตั้งไฟ พอน้ำเริ่มจะเดือดให้ค่อย ๆ โปรยผงวุ้นลงหม้อ หรือทำให้น้ำวนตลอดป้องกันไม่ให้ผงวุ้นจับเป็นก้อน เมื่อผงวุ้นกระจายทั่วปิดไฟ ยกลงจากเตารอให้ผงวุ้นอิ่มตัวซักพัก สังเกตว่าผงวุ้นจะยังไม่ได้ละลายนะ

ขั้นตอนที่ 3 ระหว่างรอผงวุ้นอิ่มตัว เม็ดแมงลักให้นำเม็ดแมงลักที่พองตัวแล้ว ตักมาแต่เนื้อ ๆ หยอดลงพิมพ์ตามปริมาณที่ต้องการ

ขั้นตอนที่ 4 นำน้ำวุ้นไปตั้งไฟกลาง ๆ ต่อ  จนกว่าผงวุ้นละลายหมด แล้วจึงเติมน้ำตาลทราย พยายามคนตลอดเวลา แล้วจึงใส่น้ำแดงลงไป ขั้นตอนนี้สามารถตักชิมรสชาติเพื่อปรับความหวานตามที่ต้องการได้ เมื่อได้ความหวานที่พอใจให้ปิดไฟ พักให้เย็นลงซักครู่ แล้วจึงเทใส่พิมพ์ และสุดท้ายรอเวลาให้วุ้นเซตตัวประมาณครึ่งชั่วโมงก่อนน้ำไปแช่ตู้เย็นให้ได้วุ้นที่กรอบเย็นชื่นใจ

                หวังว่าใครที่กำลังมองหาเมนูขนมง่าย  ๆ ทำไว้ทานเล่นที่บ้านจะลองทำเจ้าวุ้นแมงลักสูตรนี้ตามกันดูนะ หรือว่าจริง ๆ แล้วหากใครอยากแอดวานซ์หรือเพิ่มกลิ่นและรสชาติ จะลองปรับจากแค่วุ้นแมงลักน้ำแดง เป็นวุ้นแมงลักน้ำเขียว วุ้นแมงลักสีฟ้า วุ้นแมงลักสีชมพู โดยคราวนี้อาจจะไม่ได้ใช้เป็นสีจากน้ำหวานเฮลบลูบอย แต่ลองแต่งด้วยสีผสมอาหารอื่น ๆ แทน หรือจะลองเพิ่มเลเยอร์ของวุ้นแมงลักจากเลเยอร์เดียวเป็นสองเลเยอร์ด้วยการเทวุ้นแมงลักไปครึ่งพิมพ์ก่อน แล้วราดด้วยวุ้นกะทิตามข้างบนอีกชั้น กลายเป็นวุ้นแมงลักกะทิ ก็อร่อยไปอีกแบบ

Categories
ขนมหวาน

ขนมทองหยิบ

วิธีทำขนมทองหยิบ ขนมมงคลทำง่าย รสชาติระดับชาววัง

นึกถึงงานมงคลทีไร ต้องนึกถึงขนมสีเหลืองทอง ฉ่ำ ๆ หวาน ๆ รูปดอกไม้อย่างขนมที่ชื่อว่า ขนมทองหยิบ ทุกที เป็นขนมหวานที่เดินทางไกลมาจากประเทศโปรตุเกส มีตำนานความอร่อยหลายร้อยปี ด้วยรสชาติหวานสะใจ ชุ่มคอ กินแล้วบอกได้คำเดียวว่าสดชื่น วันนี้เลยอดไม่ได้ที่จะปล่อยให้เมนูนี้ผ่านไป ต้องขอหยิบสูตรมาทำกันบ้างแล้ว ใครมีพื้นที่น้อยไม่ต้องแคร์ เพราะทำง่าย ใช้เวลานิดเดียว อุปกรณ์ไม่เยอะ เอาล่ะหลับตาขอสวมร่างแม่ศรีเรือนแพร็บ หนึ่ง สอง สาม…พร้อมลงมือทำโล้ดดด!

เปิดครัว ชวนทำ ขนมทองหยิบ หวาน ฉ่ำ อร่อยล้ำสุด ๆ

ขนมทองหยิบ

“ท้าวทองกีบม้า” ผู้คิดค้นขนมทองหยิบที่อยู่คู่บ้านเรามานาน เป็นขนมทองหยิบ โบราณต้องใช้ความประณีต และเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายในวังสมัยอยุธยา ทั้งยังมีความหมายสื่อถึงความร่ำรวย เงินทอง จึงเป็นขนมมงคลที่ใช้ในการขึ้นบ้านใหม่ หรืองานแต่งนั้นเอง

ขนมทองหยิบ

วัตถุดิบทองหยิบ ชาววัง

  1. ไข่เป็ด 6 ฟอง 
  2. ไข่ไก่ 6 ฟอง 
  3. น้ำตาลทราย 1 กิโลกรัม 
  4. น้ำเปล่า 1 ลิตร 
  5. กลิ่นมะลิ 1/2 ช้อนชา 

อุปกรณ์การทำทองหยิบ

  1. ถ้วยตะไล หรือถ้วยทรงสูงขนาดเล็ก
  2. ไม้แหลมเพื่อใช้จับจีบ 2 ไม้
  3. ผ้าขาวบาง
  4. ตะกร้อมือ

วิธีทำทองหยิบ

  1. ทำการแยกไข่แดง ไข่ขาว โดยนำไข่แดงวางในผ้าขาวบางที่เตรียมไว้
  2. ตีไข่แดงให้แตกเพียงเล็กน้อย แล้วทำการรีดไข่แดงผ่านผ้าขาวบาง
  3. ใช้ตะกร้อมือตีไข่แดงให้ฟู เนียน แล้วพักไว้ก่อน
  4. ต้มน้ำให้เดือด เทน้ำตาลลงไป เมื่อน้ำตาลละลาย ให้ปิดไฟ ขั้นตอนนี้เป็นการทำน้ำเชื่อม สำหรับการหล่อตัวขนมหลังจากการทอด ต้องพักให้เย็นก่อนนำมาใช้
  5. ทำน้ำเชื่อมอีกรอบสำหรับการทอดตัวทองหยิบ เมื่อน้ำตาลละลายและเริ่มเดือด ให้หยอดไข่แดงลงไป พร้อมลดไฟอ่อน ๆ รอจนสีเริ่มเหลืองเนียนสุกดีทั้งสองด้าน ให้ตักใส่ในน้ำเชื่อมสำหรับการพักตัวทองหยิบแช่ไว้ 10 นาที
  6. ทำการจัดจีบตัวทองหยิบ สามารถจัด 4 หรือ 5 จีบตามใจชอบ แล้วนำมาใส่ในถ้วยตะไล หากไม่เป็นทรงสามารถใช้ไม้แหลมช่วยจัดทรงได้ ทำจนครบ เพียงเท่านี้ก็พร้อมเสิร์ฟได้เลย
ขนมทองหยิบ

ข้อสงสัยที่หลายคนยังไม่กระจ่างว่าขนมฝอยทอง ทองหยิบ ทองหยอด ต่างกันยังไง สรุปได้ว่าขนมทั้ง 3 ชนิดนี้ มีวัตถุดิบหลักเหมือนกันคือ ไข่แดง และน้ำตาล ซึ่งรสชาติของขนมจะมีความหวาน มัน แตกต่างกันออกไปเพียงเล็กน้อย รวมทั้งความชุ่มฉ่ำของเนื้อสัมผัส และรูปทรงที่ต่างกันเท่านั้น

พอได้รู้วิธีทำขนมทองหยิบก็ต้องร้องกรี๊ดกันเลย เพราะง่ายม๊าก ๆ อุปกรณ์ไม่เยอะ ใช้พื้นที่น้อย ไม่ต้องเหนื่อยล้างของ ปังปุริเย่ไปอีก ไม่ว่าจะเป็นทองหยิบทองหยอดฝอยทอง งานนี้ต้องออกมาโชว์ฝีมือปลายจวักกันซะแล้ว ทั้งอร่อย ความหมายดีงาม เป็นขนมมงคลของไทยแท้ ต่อให้กินแล้วน้ำหนักขึ้นก็ไม่แคร์ละงานนี้!

Categories
ขนมหวาน

ทับทิมกรอบ

เข้าครัวชวนทำทับทิมกรอบกรุบกรอบ หนุบหนับ เคี้ยวเพลิน

ในช่วงหลัง ๆ มานี้ เพื่อน ๆ หลายคนทำงานจากที่บ้านเลยมีเวลาเข้าครัวทำอาหาร ทำขนม หรือเบเกอรี่กันอยู่บ่อย ๆ บางคนทำแล้วรู้สึกติดใจถึงขั้นทำขายเลยก็มี แต่ถ้าหากเป็นขนมไทยเชื่อว่าหลายคนไม่นิยมทำกินเอง เพราะด้วยขั้นตอนยุ่งยาก ทั้งยังหาซื้อได้ง่ายในราคาไม่แพง ดังนั้นบทความของหวานบทนี้เลยต้องขอชวนเข้าครัว เปิดประสบการณ์ทำขนมหวานสุดฮิต ทำง่ายกับเมนู ทับทิมกรอบ ใส่น้ำกะทิ น้ำแข็ง โรยด้วยขนุน คลายร้อนได้เป็นอย่างดี และคอนเฟิร์มเลยว่าวิธีการทำง่ายม๊ากกก จะง่ายขนาดไหนต้องตามมาดู๊

บอกต่อต้นตำรับความอร่อยสูตร ทับทิมกรอบ

ทับทิมกรอบ

ทับทิมกรอบ เดิมทีเป็นแค่ขนมของชาวบ้าน แต่ได้ถูกปรับสูตรใหม่จนเป็นขนมที่ถูกนำทูลถวายพระกระยาหารให้สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงมาแล้ว และแน่นอนว่าวันนี้เราต้องหยิบยกการทำทับทิมกรอบสูตรโบราณแท้ ๆ วิธีการทำง่ายดาย แถมความอร่อยระดับชาววังไปเลย

ส่วนประกอบ

  1. แห้ว 50 กรัม
  2. สีผสมอาหาร สีแดง 1 ช้อนชา
  3. แป้งมันสำปะหลัง ½ ถ้วย
  4. กะทิ 250 มิลลิตร
  5. ใบเตย 2 ใบ
  6. เกลือ ¼ ช้อนชา
  7. น้ำตาลมะพร้าว ½ ถ้วย
  8. ขนุนซอย มะพร้าวอ่อนตามใจชอบ

วิธีทำทับทิมกรอบ

วิธีทำทับทิมกรอบ
  1. นำแห้วไปต้มจนสุก เมื่อสุกแล้วให้นำมาหั่นเป็นลูกเต๋า
  2. จากนั้นนำแห้วที่หั่นแล้วไปคลุกเคล้ากับสีผสมอาหารสีแดง แช่ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที
  3. เทแป้งมันลงบนถาด หรือถ้วย ตามด้วยแห้วแล้วใช้ช้อนเกลี่ยให้แป้งมันเคลือบแห้ว จากนั้นนำไปร่อนเพื่อให้แป้งส่วนเกินออกไป
  4. ตั้งหม้อต้มน้ำให้เดือด เทแห้วลงไป ให้สังเกตว่าถ้าแห้วลอยขึ้นมา และสีแดงใสแสดงว่าสุกแล้ว ให้รีบตักไปน็อคในน้ำเย็น
  5. ตั้งกะทิด้วยไฟอ่อน ใส่ใบเตย ปรุงด้วยน้ำตาล เกลือ เคี่ยวจนส่วนผสมละลาย เททับทิมใส่ลงไป พร้อมปิดไฟ
  6. ตักเสิร์ฟ โรยหน้าด้วยมะพร้าวอ่อน หรือขนุนตามใจชอบ
วิธีทำทับทิมกรอบ

ทริควิธีเก็บทับทิมกรอบค้างคืน:ใครที่กินไม่หมดไม่ต้องห่วง เพราะสามารถนำทับทิมที่ต้มแล้วใส่โหล หรือกล่อง พร้อมหล่อไว้ด้วยน้ำเชื่อม จากนั้นแช่ไว้ในตู้เย็นเท่านี้ก็สามารถเก็บไว้กินได้หลายวันเชียวล่ะ

ตอบคำถามคลายสงสัย

หลังจากที่รู้ส่วนผสม และวิธีการทำทับทิมกรอบไปแล้ว หลายคนเจอปัญหา เพราะหาแห้วไม่ได้ และสงสัยว่าทับทิมกรอบทำจากอะไรได้บ้าง แน่นอนว่านอกจากแห้วแล้ว เพื่อน ๆ ยังสามารถทำทับทิมกรอบมันแกวได้เช่นกัน เพราะจะมีรสชาติ และความกรอบที่ใกล้เคียงกันเลย ปัญหายังไม่หมด เกิดไม่มีแป้งมันขึ้นมา แล้วทับทิมกรอบใช้แป้งอะไรได้บ้าง เพื่อน ๆ สามารถใช้แป้งข้าวโพดแทนได้ เพราะเทกเจอร์เดียวกัน และคงรูปมากกว่าแป้งมันอีกด้วย เอาเป็นว่าใครที่สะดวกแบบไหน มีวัตถุแบบไหนลงมือทำกันได้ เชื่อว่าต้องอร่อยถูกปากกันอย่างแน่นอน

Categories
ขนมหวาน

เต้าส่วน

หูยยย! สูตรเต้าส่วนกะทิ หอม หวาน มัน อร่อยสุดปัง จนต้องขอเติม


ใครกำลังลดน้ำหนักอยู่ตอนนี้อาจจะต้องหลบไปก่อน เพราะวันนี้เราจะชวนเพื่อน ๆ ที่ต้องการเติมความหวานให้ร่างกาย มาทำเมนูขนมแสนอร่อยกับเมนู เต้าส่วน สูตรที่นำมาให้ทำกันต้องบอกว่าเป็นสูตรสุดเข้มข้น หวานกำลังดี ถั่วนุ่มละลายในปาก กะทิถูกเคี่ยวจนหอมลอยไปไกลหลายสิบลี่ เป็นเมนูขนมหวานยั่วน้ำลายสุด ๆ แต่ก็เป็นขนมที่ไม่ได้มีแค่ความอร่อย เพราะยังดีมีประโยชน์อีกด้วย ใครอยากรู้ว่าดียังไง มีวิธีทำแบบไหน และมีส่วนผสมอะไรบ้าง ไม่ควรพลาดบอกเลยว่าเด็ดดวง!


เรื่องน่ารู้ของ เต้าส่วน ขนมไทยแท้ หรือไทยเทียม

เต้าส่วน

ก่อนลงมือทำเรามาทำความรู้จักกับขนมหวานที่ขึ้นชื่ออย่างเต้าส่วน และเกร็ดความรู้เล็ก ๆ น้อย ๆ ว่า เต้าส่วน ประวัติความเป็นมาเป็นอย่างไร ต้องบอกว่าขนมถ้วยนี้มาจากประเทศจีนชื่อว่า “โต้ว เสวียน” เป็นขนมที่มีวัตถุดิบหลักคือ ถั่วเขียวต้ม น้ำตาล และใส่แป้งเพื่อความเหนียว แต่ในภายหลังคนไทยได้นำมาประยุกต์โดยการใส่น้ำกะทิลงไป หรือบางสูตรถูกดัดแปลงเป็น strong>เต้าส่วนข้าวโพด เม็ดบัว เผือก และด้วยรสชาติของกะทิกับส่วนผสมอื่น ๆ ที่ตัดกันได้อย่างลง ทำให้เมนูนี้กลายเป็นขนมขวัญใจของคนไทยหลาย ๆ คนนั้นเอง


พร้อมลุย! ลงมือทำเมนูขนมหวานถ้วยโปรด

เต้าส่วน

ส่วนผสมเต้าส่วน


• ถั่วเขียวเลาะเปลือก 1+1/4 ถ้วย
• น้ำเปล่า 3+1/2 ถ้วย
• ใบเตย 5 ใบ
• น้ำตาลทรายขาว 1 ถ้วย
• แป้งมันสำปะหลัง 2 ช้อนโต๊ะ
• แป้งเท้ายายม่อม 2 ช้อนโต๊ะ
• น้ำเปล่า 1 ถ้วย (ใช้ผสมแป้ง)
• หัวกะทิ ½ ถ้วย
• เกลือป่น 2 ช้อนชา

ส่วนผสมเต้าส่วน

วิธีทำเต้าส่วน


• ล้างถั่วเขียวด้วยน้ำสะอาด 3 รอบ จากนั้นนำถั่วแช่น้ำไว้ประมาณ 3 ชั่วโมง หรือจะแช่ค้างคืนก็ได้
• เมื่อถั่วเริ่มบาน บวมน้ำ ให้นำถั่วใส่ผ้าขาวบางแล้วนำไปนึ่งในน้ำเดือด ใช้เวลาประมาณ 25 นาที
• ตั้งหม้อใช้ไฟแรง รอจนน้ำเดือด ใส่น้ำตาล และใบเตยลงไป คนจนน้ำตาลละลาย และเดือดอีกครั้งให้เทแป้งมันที่ผสมน้ำแล้วลงไป
• ใส่ถั่วลงไปในหม้อ คนจนส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันดี ปิดไฟ ยกลงจากเตา

วิธีทำเต้าส่วน

วิธีทำเต้าส่วน กะทิกล่อง


• เทกะทิลงในหม้อ เคี่ยวด้วยไฟอ่อน ใส่เกลือ ใบเตย พอเริ่มเดือดให้ยกลงจากเตา
• ตักน้ำกะทิราดหน้าขนม เสร็จขั้นตอน พร้อมรับประทานได้


นี่เราหลงเข้าใจผิดมาตลอดว่าเป็นขนมไทย แต่กลับกลายเป็นว่าคนไทยได้นำมาแปลงสูตรจากขนมของจีน ให้มีความอร่อยในฉบับไทย ๆ ได้อย่างลงตัว หรืออาจจะเรียกได้ว่าเป็นขนมไทย-จีนแล้วกันเนอะ ทั้งนี้ ขนม เต้าส่วน ประโยชน์ ไม่ได้มีดีแค่ความอร่อย เพราะถั่วเขียวดีต่อคนที่อยากลดน้ำตาลในเลือด ลดการเกิดโรคหัวใจ แต่ถึงอย่างไร ขนมถ้วยนี้ก็มีน้ำตาลเยอะ เอาเป็นว่าควรทานแต่พอประมาณแล้วกันโน๊ะ

Categories
ขนมหวาน

วุ้นกะทิใบเตย

วุ้นกะทิใบเตย กลิ่นหอมละมุนชวนทำชวนทาน

วุ้นกะทิใบเตย

เวลาไปเดินตลาดหากคุณมองทางร้านขนมไทยซักเจ้า แล้วเหลือบไปเห็นโซนขายวุ้นกะทิสด หรือวุ้นกะทิโบราณ เดาได้เลยว่า ต้องมีบางวันที่คุณเห็นคนขายเขาทำ วุ้นกะทิใบเตย ตัววุ้นเป็นสีเขียวใสตัดกับตัววุ้นชั้นบนสีขาวนวลเนียนน่ารับประทาน เป็นอันต้องตัดใจไม่ลง และซื้อกลับมาบ้านอย่างแน่นอน เพราะทั้งสีสัน ทั้งกลิ่นใบเตยที่เข้ากันกับกลิ่นกะทิหอมหวานมัน มันช่างเข้ากันเสียเหลือเกิน แต่ก็นะ ช่วงโควิดแบบนี้ การซื้อของมาทำกินเองก็อาจจะทำให้หลาย ๆ คนอุ่นใจกว่า วันนี้เราเลยอยากมาชวนทุกคนทำ วุ้นกะทิใบเตย ทำเอง ทานเองที่บ้านกันไปเลย


อย่างที่อธิบายไปแล้วว่าเจ้าวุ้นกะทิใบเตย แบ่งส่วนประกอบเป็นสองชั้นก็คือชั้นของวุ้นกะทิสด และชั้นของวุ้นใบเตย อธิบายวิธีทำง่าย ๆ ก็คือทำวุ้นแยกกันก่อนสองส่วน แล้วก็เทลงอุปกรณ์สำคัญอย่าง ถาดสี่เหลี่ยม ที่จะได้ฟีลเหมือนกับที่แม่ค้าพ่อค้าขนมหวานขายตามตลาดกลายเป็นวุ้นกะทิใส่ถาดแล้วก็ตัดแบ่งเป็นทรงสี่เหลี่ยม นอกจากจะได้ฟีลแล้ว เป็นอุปกรณ์ที่หาง่ายไม่ต้องลำบากไปซื้อพิมพ์หรือถ้วยพลาสติกด้วย เริ่มมาดูส่วนผสมและวิธีทำวุ้นใบเตยหน้ากะทิสดกันเลยดีกว่า


ส่วนผสมของวุ้นใบเตยที่อยู่ชั้นล่าง


1. ใบเตยสด 10-12 ใบ
2. น้ำสะอาด 550 มิลลิลิตร
3. น้ำตาลทรายขาว 95 กรัม
4. ผงวุ้น 5 กรัม


ส่วนผสมของวุ้นกะทิที่อยู่ชั้นบน


1. กะทิ 200 กรัม (จะใช้กะทิสด หรือกะทิสำเร็จรูปได้ตามความสะดวก)
2. น้ำสะอาด 200 มิลลิลิตร
3. น้ำตาลทราย 95 กรัม
4. ผงวุ้น 5 กรัม
5. เกลือ 1/2 ช้อนชา


วิธีทำวุ้นกะทิใบเตยใส่ถาด มีขั้นตอนการทำ ดังนี้


ขั้นตอนที่ 1 เริ่มทำตัววุ้นใบเตยก่อน เริ่มจากทำน้ำใบเตย โดยการหั่นใบเตยสดเป็นชิ้น แล้วแบ่งลงไปตำในครกให้ละเอียด หรือใครไม่มีครกก็สามารถใช้เครื่องปั่นได้ปั่นให้ละเอียดพร้อมกับน้ำเปล่าบางส่วน จากนั้นก็กรองน้ำใบเตยออกมาทิ้งกากไป วิธีนี้เป็นวิธีที่ที่จะทำวุ้นใบเตยไม่ให้เหม็นเขียว และสีสันออกมาสวยงาม จากนั้น


ขั้นตอนที่ 2 นำน้ำใบเตยที่คั้นแล้ว และน้ำสะอาดใส่หม้อขึ้นตั้งไฟ แล้วจึงใส่ผงวุ้น คนให้เข้ากันแล้ว เมื่อผงวุ้นละลายหมดจึงใส่น้ำตาลทรายแล้วคนจนน้ำตาลละลายจนหมด พยายามช้อนฟองให้หมด แล้วทิ้งไว้ให้เย็นลง


ขั้นตอนที่ 3 ระหว่างที่รอวุ้นใบเตยเย็นลง ให้เริ่มตั้งหม้อเตรียมทำวุ้นกะทิ โดยใส่กะทิ และน้ำเปล่า ลงไปก่อน ตามด้วยผงวุ้น คนจนผงวุ้นละลายหมด แล้วจึงใส่น้ำตาลทรายและเกลือลงไป คนจนละลาย พยายามใช้ไฟอ่อนถึงปานกลาง จากนั้นทิ้งไว้ให้เย็น


ขั้นตอนที่ 4 หลังจากที่ทำตัววุ้นกะทิเสร็จ วุ้นใบเตยก็เย็นตัวลงประมาณหนึ่งให้เทใส่ถาด แล้วรอให้วุ้นใบเตยเซตตัว จึงเทวุ้นกะทิที่เย็นลงลงบนวุ้นใบเตย ที่เหลือก็นำเข้าตู้เย็นอีกวันก็เตรียม


อ่านวิธีทำวุ้นกะทิใบเตยใส่ถาดกันไปเพลินแล้วรู้สึกอยากจะวิ่งไปเข้าครัวเตรียมทำขนมกันบ้างเลยใช่ไหมละ ใครที่อยากลองเริ่มทำเมนูขนมง่าย ๆ ทานเอง แบบอยากฝึกสกิลการชั่ง ตวง วัดก่อน เมนูวุ้นกะทิใบเตย เมนูนี้ถือว่าใช้ทดสอบเบื้องต้นได้ก่อนด้วยนะ อ๋อ แอบแถมอีกนิดหากใครอยากเปลี่ยนสีจากสีเขียวเป็นสีฟ้าจะนำอัญชันมาต้มเอาสีแทนใบเตย แล้วทำเป็นวุ้นกะทิอัญชันก็ได้เช่นกันนะ

Categories
ขนมหวาน

สาคูเปียกข้าวโพด

สาคูเปียกข้าวโพด ขนมไทยทำง่ายทานง่ายสูตรหวานน้อย

สาคูเปียกข้าวโพด

ใครที่กำลังตามหาของหวานไทยไว้รับทานสลับกับคุกกี้เบเกอรี่ต่าง ๆ ใดๆ ช่วง WFH แบบนี้ ต้องเร่เข้ามาเลย เพราะวันนี้เราเอาหนึ่งสูตรขนมไทยที่ทำง่ายทานง่าย อย่างสาคูเปียกข้าวโพด มาชวนให้ทุกคนลองทำตามกันดู แอบกระซิบด้วยว่า สูตรที่เรานำมานี้เป็น สูตรสาคูเปียกข้าวโพดที่หอมหวานกะทิสดกันไปเลย ตามคอนเซปต์ของหวานไทย ๆ นี่ขาดกะทิไม่ได้ ลองมาดูสูตรสาคูเปียกข้าวโพดกัน


เอ๊ะ! แต่เดี๋ยวก่อน หากใครที่กังวลเรื่องการคุมน้ำหนักอยากลดของหวาน แล้วมีคำถามว่าสาคูเปียกข้าวโพดนี้ กี่แคล ต้องตอบเลยว่า ถ้าคำนวณตามสัดส่วนจากส่วนผสมในสูตรสาคูเปียกข้าวโพดที่นำมาฝากกันวันนี้ จะได้ แคลอรี่ แต่หากคุณอยากลองปรับแคลอรี่ให้ลดต่ำลง อาจปรับได้จากลดปริมาณน้ำตาล หรือปริมาณไขมันจากกะทิเปลี่ยนจากกะทิเป็นนมสดก็พอจะทำได้ ทั้งนี้ทั้งนั้นก่อนปรับสูตรใด ๆ ลองมาดูส่วนผสมและวิธีทำสาคูเปียกข้าวโพดกันก่อนดีกว่า


ส่วนผสมของ สาคูเปียกข้าวโพด


1. สาคูเม็ดเล็ก 1 ถ้วยตวง
2. ข้าวโพดต้มฝานเอาแต่เนื้อ 1 ถ้วยตวง
3. เนื้อมะพร้าวอ่อนขูด 1 ถ้วยตวง
4. เกลือ 1 ช้อนชา
5. น้ำตาลทราย 1 ถ้วยตวง
6. น้ำเปล่า 3 ถ้วยตวง
7. กะทิ 1 ถ้วยตวง


วิธีทำสาคูเปียกข้าวโพด


ขั้นตอนที่ 1 เริ่มจากวิธีต้มสาคูโดยการนำสาคูเม็ดเล็กที่ตวงไว้ เทใส่กระชอน เพื่อร่อนนำเศษผงแป้งที่ติดมากับเม็ดออกไป แล้วจุ่มลงน้ำ นำขึ้นมาสะเด็ดไว้ ระหว่างที่เริ่มเตรียมสาคูให้เทน้ำเปล่าใส่หม้อไว้ พอสาคูสะเด็ดน้ำก็ใส่สาคูลงไป พยายามคนตลอดไม่ให้สาคูติดหม้อ ตรงนี้ต้องระวังดี ๆ เลยคนจนเม็ดสาคูมีลักษณธข้างนอกใสข้างในขาวเป็นอันใช้ได้ ทำการใส่ใส่น้ำตาลลงไป คนต่อไปเรื่อย ๆ อย่างใจเย็น จนน้ำตาลละลายหมด ปิดท้ายด้วยข้าวโพดตามลงไป เมื่อเม็ดสาคูใสเท่ากันทั่วทุกเม็ดแล้วก็ปิดไฟยกลงจากเตาเป็นอันได้สาคูเปียกข้าวโพดมาพักไว้


ขั้นตอนที่ 2 เตรียมส่วนของกะทิที่ใช้ทานคู่กัน โดยใส่กะทิลงในหม้อ จากนั้นเติมเกลือ ยกขึ้นตั้งไฟอ่อน ๆ คนต่อเรื่อย ๆ จนเกลือละลายหมดแล้วเห็นกะทิเริ่มเดือดเล็กน้อย ปิดไฟยกลงจากเตา


ขั้นตอนที่ 3 นำส่วนของสาคูเปียกข้าวโพดมาตักใส่ถ้วยรอไว้ แล้วราดด้วยน้ำกะทิลงไป ได้รสชาติหวานหอมมันเค็มกำลังพอดี


จบไปแล้วหนึ่งสูตรขนมไทยที่เราเอามาฝากกันทำเอาทุกคนอยากลองนำเจ้าสาคูเปียกข้าวโพดไปทำตามและทานเล่นที่บ้านกันเลยใช่ไหมเอ่ย แถมอีกนิด หากใครอยากจะเพิ่มความอร่อยไปอีกขั้นก็สามารถดัดแปลงเป็นสาคูเปียกข้าวโพดมะพร้าวอ่อน ทานคู่กันแล้วลงตัวสุด ๆ หรือจะทำเป็นสาคูเปียกรวมมิตรไม่ใส่แค่ข้าวโพด ใส่เผือก ใส่แห้ว ลงไปด้วยก็อร่อยไปอีกแบบนะ

Categories
ขนมหวาน

ลอดช่อง

ลอดช่อง เส้นเหนียวนุ่มหอมมัน เติมความหวานพร้อมทำงาน

ลอดช่อง

ถึงช่วงนี้จะไม่ใช่ฤดูร้อน แต่เราก็สามารถสรรหาขนมหวานเย็นชื่นใจ ไว้ทานให้ร่างกายกระชุ่มกระชวยได้ ใครที่กำลังเบื่อ ๆ อยากลุกขึ้นมาทำขนมยามว่าง พร้อมกับทำขนมหวานแบบไทย ๆ วันนี้เราก็มีหนึ่งเมนูของหวานไทย อย่าง ลอดช่อง มาชวนทุกคนลองทำตามกันด้วย ยิ่งช่วงอยู่บ้านแบบนี้ ได้ลองทำเองทานเอง สูตรนี้คุณจะทำให้คุณได้ทานลอดช่องเหนียวนุ่ม ทานคู่กับกะทิหอมหวานใส่น้ำแข็งป่นลงไปยิ่งลงตัว ถือเป็นสูตร ลอดช่องกะทิสด ที่น่าลองทำตามมาก ๆ


ก่อนที่จะเริ่มทำลอดช่องกัน เราอาจจะต้องสำรวจก่อนว่าที่บ้านเรามีอุปกรณ์ทำลองช่อง และวัตถุดิบทำลองช่องรึเปล่า เริ่มจากอุปกรณ์ที่ขาดไม่ได้คือ ที่กดลองช่อง มันจะมีลักษณะเป็นคล้าย ๆ ถาดกลม ๆ มีรูกลมเจาะเต็มก้นถาด หรือบางที่ก็จะเป็นแผ่นเล็กสี่เหลี่ยม มีรูเล็ก ๆ เยอะ ๆ หรือจะเป็นพวกกระบวยมีรู แต่อย่างไรก็ตามหากไม่มีอุปกรณ์ทำลองช่องเลย อาจจะต้องสูงสุดคืนสู่สามัญโดยการปั้นที่ละเส้นตามแต่ละความพยายามของแต่ละคนไปเลย แล้วก็อีกอุปกรณ์ที่สำคัญไม่แพ้กันใช้ในการกวนแป้ง คือ กระทะทองเหลือง ที่จะทำให้แป้งไม่ค่อยติดกระทะ แต่หากไม่มีอีกก็กระทะเชฟล่อนซักใบก็ยังดี ส่วนวัตถุดิบและวิธีทำเส้นลอดช่องรวมถึงน้ำกะทิ เรามาลองดูกัน


วัตถุดิบของเส้นลอดช่อง


1. แป้งข้าวจ้าว 3 ถ้วยตวง
2. แป้งมันสำปะหลัง 1 ถ้วยตวง
3. แป้งถั่วเขียว 4 ช้อนโต๊ะ
4. น้ำปูนใส 5 ถ้วยตวง
5. น้ำใบเตยคั้นสดเน้นสีเขียวเข้ม 1 ถ้วยตวง


วัตถุดิบของกะทิราดลอดช่อง


1. น้ำตาลปี๊บ 3 1/2 ถ้วยตวง
2. เกลือป่น 1 ช้อนชา
3. กะทิคั้นสด 5 ถ้วยตวง


วิธีทำลอดช่อง


ขั้นตอนที่ 1 เริ่มจากวิธีทำเส้นลอดช่อง ที่แสนจะซับซ้อนก่อน ให้นำแป้งข้าวจ้าว แป้งมัน และแป้งถั่วเขียว มาใส่อ่างผสม แล้วค่อย ๆ ใส่ น้ำใบเตยสีเขียวเข้มลงไปทีละน้อยแล้วนวดแป้ง ต่อด้วยใส่น้ำปูนใสทีละนิดแล้วนวดแป้ง ทำแบบนี้สลับใส่น้ำใบเตยและน้ำปูนใสแล้วนวดแป้งไปเรื่อย ๆ ต้องใจเย็น ๆ จนสุดท้ายจะได้น้ำแป้ง ที่แป้งละลายหมด


ขั้นตอนที่ 2 ใช้ผ้าขาวบางกรองตัวน้ำแป้งอีกครั้ง ก่อนนำลงกระทะทองเหลือง แล้วไปตั้งบนเตาเปิดไฟอ่อน ๆ กวนแป้งไปเรื่อย ๆ จนแป้งเหนียวข้นขึ้นมาและเข้ากันดี จากนั้นก็ทำให้กระทะเย็นลงอย่างรวดเร็วโดยการนำกระทะไปวางในกะละมังใส่น้ำเย็น ตัวแป้งจะหนึบขึ้นมาอีก แล้วจึงนำแป้งใส่ลงในที่กดลองช่อง และกดออกมาจนได้ลอดช่องเหนียวนุ่ม ลงมาอยู่ในน้ำสะอาด


ขั้นตอนที่ 3 ตัวเส้นสุดแสนยากได้ผ่านไปแล้ว เรามาทำน้ำกะทิกันต่อด้วยการใส่กะทิ น้ำตาลปี๊บ และเกลือผสมลงในอ่างผสม จนน้ำตาลปี๊ปละลายหมด จากนั้นกรองลงหม้อไปตั้งไฟกลาง ๆ เคี่ยวไปจนกะทิเริ่มเดือด ไม่ให้เดือดมากเกินไปเพราะกะทิอาจแตกมันได้ ปิดไฟแล้วตั้งทิ้งไว้ให้เย็น แล้วก็ตักใส่ถ้วยใส่เส้นลอดช่องใส่น้ำแข็งป่นพร้อมทานให้หวานเย็นชื่นใจ


ยังไงก็ตามเมนู ลอดช่อง ที่นำมาฝากกันวันนี้ อาจจะไม่ใช่สูตรลอดช่องวัดเจษเจ้าดัง แต่ก็ถือว่าพอจะให้มือใหม่หัดทำได้ลองทำดูง่าย ๆ ก่อน อ๋อ ลืมบอกบางคนที่ไม่ชอบลอดช่องสีเขียว ๆ หรือลอดช่องไทยแบบนี้อาจจะลองหาสูตรทำลอดช่องสิงคโปร์รสชาติหนึบหนับใส่กะทิ ใส่น้ำแข็งลองทำดูแทนก็ได้นะ สดชื่นชุ่มฉ่ำไม่แพ้กันแน่นอน

Categories
ขนมหวาน

กล้วยบวชชี

ฉ่ามมมมาก! สูตรเมนู กล้วยบวชชี ทั้งฉ่ำ ละมุน นุ่มลิ้น อาหร่อยเว่อร์


ใครเคยเป็นบ้างตอนซื้อกล้วยมาทีไร มักจะกินไม่ทันทุ๊กกกที ต้องคอยหาวิธีแปรรูปกล้วยตลอด จะกวนก็ดูยุ่งย่าง จะปิ้งก็ไม่มีเตา จะทำขนมกล้วยแหมต้องนึ่งอีก ดูยุ่งยากไปหมด ดูสูตรไปมาจนตัดสินใจได้ว่า เมนูขนมกล้วยบวชชีจะต้องเวิร์คแน่ ๆ ขนมไทยถ้วยนี้หากได้ลิ้มลองแล้วอร่อยจนขอยกซด ด้วยรสชาติที่หอม หวาน มีเทกเจอร์หนึบ ๆ กินแล้วดีต่อใจ ฟินสุด ๆ ตอนนี้ใครที่มีกล้วยอยู่ในบ้านไป เตรียมไว้ก่อนเลย เพราะอ่านบทความนี้จบ ได้ทำกันแน่นอน


แจกสูตร กล้วยบวชชี และเคล็ดลับความอร่อย

กล้วยบวชชี

พอพูดถึงกล้วยบวชชี น้ำลายเริ่มแตกเลยทีเดียว เพราะเนื้อสัมผัสของกล้วยที่ต้มสุกพอดี เต่ง ตึง บวกด้วยรสชาติกลมกล่อมของน้ำกะทิ เนื้อกล้วยที่กัดไปแล้วละมุน หูยยย…อดใจไม่ไหวแล้วทุกคน รีบลงมือทำกล้วยบวชชีสูตรโบราณกันเถอะ!


ส่วนผสม


1. กล้วยน้ำว้า 8 ลูก
2. กะทิกล่อง 250 มิลลิตร (หัวกะทิ)
3. หางกะทิ 300 มิลลิลิตร
4. น้ำตาลปี๊บ 30 กรัม
5. น้ำตาลทรายขาว 20 กรัม
6. เกลือ 1/4 ชช
7. ใบเตย 2 ใบ


วิธีทำกล้วยบวชชี สูตรกะทิกล่อง

กล้วยบวชชี

1. ล้างกล้วยทั้งเปลือกด้วยน้ำเปล่า แล้วตั้งหม้อต้มน้ำให้เดือด เมื่อน้ำเดือดแล้วให้ใส่กล้วยลงไปต้มทั้งเปลือกประมาณ 15 นาที การต้มทั้งเปลือกแบบนี้จะเป็นวิธีทำกล้วยบวชชีไม่ให้เปรี้ยว
2. ให้สังเกตว่าถ้าเปลือกกล้วยเริ่มแตก เป็นอันใช้ได้ ตักขึ้นพักไว้ก่อน
3. ปอกเปลือกกล้วย ทำการหั่นแบ่งออกเป็น 4 ส่วน
4. ตั้งหม้อด้วยไฟอ่อน ๆ ใส่หางกะทิลงไป ตามด้วยใบเตยแล้วเคี่ยวจนเดือด ให้ใส่น้ำตาล เกลือ คนจนส่วนผสมละลาย ใส่กล้วยที่หั่นไว้ และหัวกะทิ หลังจากนั้นปิดไฟ ยกลงจากเตา


เคล็ดลับ: หลายคนประสบปัญหาทำแล้วกล้วยฝาด เราเลยมีวิธีทำกล้วยบวชชีไม่ให้ฝาด โดยการเลือกกล้วยห่าม ๆ กึ่งสุกกึ่งดิบ และสำหรับหางกะทิหากเพื่อน ๆ ที่ใช้กะทิกล่อง สามารถทำหางกะทิได้โดยการนำหัวกะทิไปผสมน้ำในอัตราส่วน 1 ต่อ 1 เพียงเท่านี้ก็จะได้หางกะทิ


หวานดีมีประโยชน์จากกล้วยน้ำว้า

กล้วยบวชชี

ขนมไทยกล้วยบวชชี นอกจากอร่อยแล้ว ยังมีวิธีการทำไม่ยุ่งยาก เป็นกล้วยบวชชีง่ายๆ ใคร ๆ ก็ทำได้ และกล้วยบวชชี ประโยชน์ที่ได้จากกล้วยน้ำว้าคือ แคลเซียม เพราะกล้วยที่ถูกต้มทำให้ร่างกายของเราดูดซึมแคลเซียมจากกล้วยได้มากกว่าปกติ และยังช่วยในเรื่องของระบบขับถ่ายด้วยล่ะ


จากการกินกล้วยธรรมด๊า ธรรมดา เอามาแปรรูปเป็นขนมหวานไทยเมนูที่ใครก็ชื่นชอบ เพื่อน ๆ จะทำกินเอง หรือเอาไปแจกข้างบ้าน บอกเลยว่างานนี้ยังไงก็ต้องแฮปปี้ อิ่ม อร่อยชัวร์

Categories
ขนมหวาน

ขนมทองหยอด

จึ้งมาก! ขนมทองหยอด สูตรชาววัง ทำง่ายๆ ไม่กี่ขั้นตอน


พอได้ทำงานจากที่บ้านนานหลายเดือน มีเวลาเยอะขึ้นจนได้ฝึกปรือการทำอาหารคาวกินเองมานาน จนตอนนี้บอกได้เลยว่าพร้อมลงประกวดมาสเตอร์เชฟซีซันหน้าแล้วล่ะ แต่แค่อาหารคาวอย่างเดียวดูจะไม่ครบรส ต้องมีเมนูขนมหวานมาเพิ่มสีสัน เพิ่มสกิลการเข้าครัวของเราให้เป็นระดับเทพ จัดมาเลยวันนี้กับเมนู ขนมทองหยอด แค่ฟังต้องขนลุกซู่ เพราะขนมจากในวังเมนูนี้ ต้องใช้ความบรรจง ละเอียดอ่อนพอสมควร ทว่าใจสู้ซะอย่าง แค่นี้จิ๊บ ๆ หมู ๆ ต่อให้ใช้งานฝีมือขนาดไหน ขนมหวานอร่อยเมนูนี้ปล่อยให้พลาดไปบ่าได้เลยยย


ส่องวิธีทำอย่างละเอียดขนมทองหยอด รสชาติในวังขนานแท้

ขนมทองหยอด

ส่วนผสมขนมทองหยอด


1. ไข่เป็ด 10 ฟอง
2. แป้งทองหยอด 1/4 ถ้วยตวง
3. น้ำตาลทราย 7 ถ้วยตวง
4. น้ำลอยดอกมะลิ 10 ถ้วยตวง

ขนมทองหยอด

วิธีทำทองหยอด


1. ทำการแยกไข่แดงออกจากไข่ขาว โดยนำไข่แดงแยกไว้ในผ้าขาวบาง
2. จากนั้นทำการกรองไข่แดงด้วยผ้าขาวบาง คั้นจนได้ไข่แดงที่เนียนสวย
3. นำไข่แดงที่ได้ตีด้วยตะกร้อหรือเครื่องตีให้ขึ้นฟู แล้วจึงเทแป้งตามลงไป ใช้ไม้พายคนให้เข้ากันอีกรอบ

ขนมทองหยอด

วิธียอดทองหยอด


1. ตั้งหม้อด้วยไฟแรง พร้อมใส่น้ำลอยดอกมะลิลงไป รอจนน้ำเดือด ตามด้วยน้ำตาลทราย เคี่ยวต่อเรื่อย ๆ ประมาณ 10 นาที หรือจนน้ำตาลละลาย ให้ตักออกมาส่วนหนึ่งเพื่อทำการใช้แช่ทองหยอดหลังจากการทอด
2. เริ่มทำการทอดทองหยอด โดยการใช้ปลายช้อนตักทองหยอดขึ้นมา แล้วใช้นิ้วโป้งดันทองหยอดลงไปในน้ำเชื่อมที่กำลังเดือด ประมาณ 2 นาที ให้เหยาะน้ำเปล่าลงไปเล็กน้อย และเบาไฟ เพื่อทำการเช็คว่าตัวทองหยอดสุกหรือยัง หากมีสีเหลืองเข้มแสดงว่าสุกแล้วให้ตักใส่ในน้ำเชื่อมที่เตรียมไว้ แช่ไว้ประมาณ 2-3 นาที เพื่อให้ทองหยอดอิ่มน้ำเชื่อม เป็นอันเสร็จ จัดใส่จานพร้อมหม่ำ ๆ ได้เลย


และนี่ก็เป็นวิธีทำทองหยอดง่ายๆ แต่ไม่ว่าจะเป็นในแบบฉบับของสูตรทองหยอดชาววัง หรือสูตรอื่น หลัก ๆ ทั้งส่วนผสมและวิธีทำจะเหมือนกับข้างต้น แสดงให้เห็นเลยว่าขนมไทยเมนูนี้ง่ายกว่าที่คิดไปอีก

ขนมทองหยอด

ใครที่ไม่เคยทำเมนูนี้ คงจะต้องงงวยกันแน่ว่าแป้งทองหยอด ทำมาจากอะไร ซึ่งเราก็มีคำตอบมาให้เพื่อน ๆ ว่าแป้งทองหยอดนั้น จริง ๆ แล้วก็คือ แป้งข้าวเจ้า แต่ได้ผ่านการอบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งแป้งทองหยอด คุณสมบัติของแป้งจะช่วยให้ตัวทองหยอดอ่อนนุ่ม ละมุน ดูมีความฉ่ำ ๆ สามารถหาซื้อได้ที่ตามร้านขายวัตถุดิบทำขนม หรือผ่านทางออนไลน์


วิธีทำขนมไทยอย่าง ขนมทองหยอด ไม่ได้ยุ่งยากเลยสักนิด และประโยชน์ของทองหยอดเรื่องสารอาหารก็ดีงาม เพราะวัตถุดิบหลักที่ทำจากไข่แดง มีส่วนช่วยในการบำรุงสมอง และไข่ยังช่วยในการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอในร่างกายอีกด้วย เอาตรง ๆ ตอนนี้อดใจไม่ไหวแล้ว ขอแว็บไปทำขนมไทยเมนูนี้ก่อนล่ะ บ๊ายยย…