Categories
อาหารคาว

เมนูอร่อย กระหล่ำปลีผัดน้ำปลา รสชาติถูกใจ ใครทานก็ชอบ

กระหล่ำปลีผัดน้ำปลา

มาเข้าครัวกันค่ะ วันนี้จะพามาทำเมนูเพื่อสุขภาพกับเมนูผักสำหรับคนรักสุขภาพมาทางนี้เลยค่ะ อร่อยจนต้องบอกต่อ เป็นเมนูที่ร้านอาหาร และร้านอาหารตามสั่งต้องมีเมนูนี้เลยทีเดียว นั้นก็คือเมนู กระหล่ำปลีผัดน้ำปลา ทุกคนสามารถเพิ่มเนื้อสัตว์ไปในเมนูนี้ได้นะคะเพิ่มความอร่อยและคุณค่าทางโภชนาการ เช่น หมูกรอบ กุ้ง จะฟินมากเวอร์ อาหารจานนี้บอกเลยว่าต้นทุนต่ำ ทำไม่ยาก วัตถุดิบไม่เยอะ พอพูดแล้วก็อยากลองทำเลยใช่ไหมละคะ วันนี้เราจะพาไปทำเมนูกระหล่ำปลีผัดน้ำปลาใส่หมูกรอบ เราได้ร่วมรวมวิธีการผัดและวิธีการทำหมูกรอบมาให้แล้วรับรองสูตรนี้บอกเลยไม่ยาก ทำตามได้ง่ายๆ

วัตถุดิบและขั้นตอนการทำ กระหล่ำปลีผัดน้ำปลา

มาดูวิธีการทำหมูกรอบกันค่ะ แล้วเราจะพาทุกคนไปดูขั้นตอนวิธีการผัดกระหล่ำปลีผัดน้ำปลา

วัตถุดิบการทำหมูกรอบ (แบบทอดไร้น้ำมัน)

1.หมูสามชั้น 1 ชิ้น

2.เกลือ

3.น้ำเปล่า

4.หม้อทอดแบบไร้น้ำมัน

ขั้นตอนการทำหมูกรอบ (แบบทอดไร้น้ำมัน)

1.นำหมูสามชั้นมาล้างน้ำสะอาด จากนั้นนำหม้อต้มมาใส่น้ำเปล่าและเกลือเปิดไฟต้มจนน้ำเดือด พอน้ำเดือดได้ที่แล้วให้นำหมูสามชั้นที่ล้างไว้ใส่ลงไปต้มแล้วปิดไฟหม้อ ต้ม15-20นาที จนหมูสุกได้ที่ เสร็จแล้วปิดแก๊สเปิดฝาหม้อทิ้งไว้

2.นำหมูสามารถออกจากหม้อต้มใส่กระชอน ให้น้ำแห้งและหายร้อน วางพักทิ้งไว้

3.เมื่อหมูสามชั้นแห้งแล้ว ให้นำหมูสามชั้นใส่ในหม้อทอดไร้น้ำมัน ตั้งเวลา20-30 นาที จากนั้นเปิดหม้อทอดแล้วผลิกฝั่งหมูสามชั้นแล้วปิด ทอดต่ออีก20-30นาที ขึ้นอยู่ที่ความร้อนของหม้อแต่ละขึ้น ทอดจนหมูสามชั้นเหลืองกรอบได้ที่

4.เสร็จแล้วนำหมูสามชั้นออกมาพักทิ้งไว้ให้เสด็จน้ำมัน พอหายร้อนแล้วให้นำหมูกรอบมาหั่นเป็นแว่นๆหนาบางตามชอบได้เลยค่ะ เพื่อเตรียมไว้ผัด

กระหล่ำปลีผัดน้ำปลา

วัตถุดิบการทำกระหล่ำปลีผัดน้ำปลา

1.กระหล่ำปลี

2.หมูกรอบ

3.น้ำปลา

4.กระเทียม

5.น้ำมันพืช

ขั้นตอนการทำกระหล่ำปลีผัดน้ำปลา

1.นำกระหล่ำปลีมาล้างน้ำ จากนั้นหั่นเป็นแว่นๆ แล้วใส่น้ำเกลือแช่ทิ้งไว้สัก 5 นาที จากนั้นนำมาล้างน้ำสะอาดสัก1-2 รอบเพื่อล้างให้สะอาดอีกครั้ง

2.ปลอกกระเทียมแล้วปั่นไม่ต้องละเอียดมาก ใครไม่มีเครื่องปั่นสามารถสับเล็กๆได้เลยค่ะ

3.ตั้งไฟตั้งกระทะ เทน้ำมันพืชลงไปเล็กน้อย ตามด้วยใส่กระเทียม ผัดพอหอมกระเทียมเริ่มเหลืองใส่หมูกรอบลงไปผัด ตามด้วยกระหล่ำปลี เสร็จแล้วตามด้วยน้ำปลาลงไปและผงปรุงรส ผัดจนกระหล่ำปลีหดลงเล็กน้อย แล้วปิดไฟตักใส่จานพร้อมเสิร์ฟค่ะ เพียงเท่านี้ก็ได้เมนูกระหล่ำปลีผัดน้ำปลาง่ายๆแถมอร่อยให้ได้ลิ้มรสกันแล้วค่ะ

บทสรุป

เป็นยังไงกันบ้างคะกับเมนูกระหล่ำปลีผัดน้ำปลา ใครที่ชอบเข้าครัวหรือกำลังหาเมนูใหม่ๆเสิร์ฟบนโต๊ะอาหารลองทำตามดูนะคะ สูตรหมูกรอบไร้น้ำมัน และสูตรการผัด ที่ไม่ยุ่งยากทำตามได้เลยนะคะ อร่อยแบบวัตถุดิบไม่เยอะและใช้เวลาไม่นาน

Categories
น้ำ

น้ำส้มคั้น สดชื่นถึงใจ อุดมไปด้วยวิตามินซีสูง

น้ำส้มคั้น
https://th.depositphotos.com/stock-photos/

ส้ม เป็นผลไม้ยอดฮิตที่มีรสเปรี้ยวอมหวาน ทานแล้วสดชื่น ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย ทั้งยังอุดมไปด้วยสารอาหารมากมาย ไม่ว่าจะเป็น วิตามินซี เบต้าแคโรทีน หรือ วิตามินเอ วิตามินดี แคลเซียม โพแทสเซียม และคอลลาเจน แถมในส้มยังอุดมไปด้วยใยอาหารสูงช่วยปรับสมดุลระบบขับถ่าย ทำให้ขับถ่ายได้ง่ายขึ้น และยังมีสารต้านอนุมูลอิสระอีกด้วย คุณประโยชน์ของส้มมากมายขนาดนี้ ส้มจึงเป็นผลไม้ทานเล่นที่ใคร ๆ ก็นิยม ทั้งยังเอาไปแปรรูปเป็นเมนูของหวานได้อีกด้วย แต่ที่จะไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือ น้ำส้มคั้น น้ำผลไม้เพื่อสุขภาพยอดฮิตที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เพราะทำง่ายและคุณประโยชน์เพียบ

วิธีทำ น้ำส้มคั้น เพื่อสุขภาพ

     สำหรับช่วงนี้ก็เริ่มเข้าฤดูหนาวกันแล้ว สภาพอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยใครหลาย ๆ คนคงมองหาเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ เพราะ การดูแลสุขภาพ ถือเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่อาจละเลยได้ น้ำส้ม เป็นอีกหนึ่งเมนูที่ช่วยบรรเทาอาการหวัด มีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย น้ำส้มเพื่อสุขภาพ จึงเป็นเมนูยอดฮิตในตอนนี้ วันนี้เราจึงขอแนะนำเมนู น้ำส้มคั้น ทำง่าย แต่มากมายด้วยคุณประโยชน์มาฝากทุกคนได้ลองทำกินเองกันค่ะ

 ส่วนผสม มีดังนี้

1.ส้ม 1 กิโลกรัม

2.เกลือป่น 3/4 ช้อนชา

3.น้ำสะอาด

4.น้ำมะนาวสด 2 ช้อนชา

 ขั้นตอนการทำ

1.นำผลส้มไปล้างจนสะอาด

2.นำส้มมาคั้นเอาน้ำออกจนหมด จะได้น้ำส้มคั้นสด100%

3.นำน้ำส้มมาปรุงรสด้วยเกลือป่นและน้ำมะนาว ปรุงรสชาติได้ตามใจชอบ

4.คนจนส่วนผสมเข้ากัน แล้วเสิร์ฟ เติมน้ำแข็งได้ตามใจชอบ สำหรับใครที่ชอบแบบเป็นน้ำแข็งเย็นชื่นใจก็สามารถนำไปแช่ฟีซได้ ออกมาเป็นเมนู น้ำส้มเกล็ดหิมะ น่าทานอีกหนึ่งเมนู

วิธีทำ น้ำส้มคั้น ไม่ให้ขม

น้ำส้มคั้น
https://cooking.kapook.com/view242815.html

วิธีทำน้ำส้นคั้น นั้นดูแล้วแสนจะง่ายดายไม่มีขั้นตอนยุ่งยากใช่ไหมล่ะคะ แต่ปัญหาของการทำเมนูน้ำส้มเพื่อสุขภาพ นั้น คือ การจะคั้นน้ำส้มให้ไม่ขมและอร่อยนี่สิ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยทีเดียว วันนี้เราจึงนำเคล็ดลับดี ๆ เป็นวิธีทำน้ำส้มคั้นยังไงไม่ให้ขมมาฝากทุกคนกันแบบหมดเปลือก รับรองว่าใครทานแล้วต้องติดใจขอยกซดแก้วถัดไปแน่นอน

    เคล็ดลับวิธีทำน้ำส้มคั้นไม่ให้ขม อยู่ที่การเลือกส้มและเครื่องคั้นน้ำส้ม ส้มที่เป็นที่นิยมคงหนีไม่พ้น ส้มพันธุ์สายน้ำผึ้งที่มีรสเปรี้ยวตาม หวานนำ สำหรับเทคนิคในการคั้นคือ ควรใช้เครื่องคั้นที่คั้นกับมือเอง ไม่ควรใช้เครื่องคั้นแบบอัตโนมัติ เหตุผลคือ หากคั้นกับเครื่องแบบอัตโนมัติจะทำให้คั้นโดนเปลือกส้มและเมื่อเครื่องบดและคั้นโดนเปลือกส้มส่งผลให้บีบน้ำมันในตัวเปลือกส้มออกมาด้วยจึงทำให้น้ำส้มคั้นมีรสชาติที่ขมนั่นเอง

พูดง่าย ๆ ก็คือ คั้นยังไงก็ได้ที่ไม่ให้โดนเปลือกส้ม ก็จะได้ส้มที่มีรสชาติอร่อยไม่ขมแล้วค่ะ

ส้มมีวิตามินอะไรบ้าง ?

   ในส้มหนึ่งผลอุดมไปด้วยสารอาหารและคุณค่าทางโภชนาการมากมาย โดยเฉพาะวิตามิน เรียกได้ว่าส้มเป็นแหล่งรวมวิตามินชั้นดีในบรรดาผลไม้เลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นวิตามินดี วิตามินเอ วิตามินบี โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุดมไปด้วยวิตามินซีสูงมาก ไม่ว่าส้มพันธุ์ไหน ๆ ก็ให้คุณค่าทางอาหารไม่ต่างกันเลยค่ะ

7 ประโยชน์ของส้ม รู้แล้วต้องทึ่ง!     

1.ช่วยบรรเทาอาการหวัด

2.ช่วยเสริมสร้างสารอนุมูลอิสระ

3.บำรุงเหงือกและช่วยลดอาการเลือดออกตามไรฟัน

4.ช่วยปกป้องเซลล์ผิวจากแสงแดด

5.เปลือกส้มช่วยให้เจริญอาหาร

6.ใยอาหารในส้มช่วยปรับสมดุลระบบขับถ่ายให้ดีขึ้น

7.เสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย

โทษของน้ำส้ม ที่ไม่ควรมองข้าม!

1.ในน้ำส้มมีปริมาณน้ำตาลสูง หากบริโภคมากเกินไป อาจเสี่ยงเกิดโรคเบาหวาน ความดัน ส้มจึงไม่เหมาะกับผู้ป่วยที่คุมน้ำตาลและโรคไต

2.สารพิษตกค้าง ส้มถือเป็นผลไม้ที่มีสารตกค้างมากที่สุด โดยสารตกค้างเหล่านี้มาจากปุ๋ยและยาฆ่าแมลง ดังนั้น จึงควรเลือกทานส้มออแกนิค ปลอดสารพิษ

3.ควรเลือกดื่มน้ำส้มในช่วงเวลาที่เหมาะสม คือ ดื่มหลังมื้ออาหาร หลีกเลี่ยงการดื่มตอนท้องว่าง เพราะจะทำให้มีอาการท้องเฟ้อ จุก เสียดแน่น

บทสรุปส่งท้าย

         ส้ม เป็นผลไม้ที่มีประโยชน์มากมาย และแปรรูปได้หลากหลายเมนู โดยเฉพาะเมนูน้ำส้มคั้น ที่เรายกมาแนะนำกันในวันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งเมนูที่นิยม แต่ทานมากไปก็ไม่ดีเพราะอาจส่งผลเสียตามมา ดังนั้นจึงควรเลือกทานในปริมาณที่พอเหมาะและเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ไม่มากและไม่น้อยจนเกินไปจึงจะเรียกว่าดีต่อสุขภาพนะคะยิ่งไปกว่านั้น การดูแลสุขภาพ ที่สำคัญ คือ ต้องทานอาหารให้ครบ 5 หมู่และออกกำลังกายเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอก็จะทำให้เรามีสุขภาพดีที่ยั่งยืน