Categories
Uncategorized น้ำ

มะม่วงปั่น ดีต่อสุขภาพ ป้องกันโรค และสร้างภูมิคุ้นกัน

มะม่วงปั่น เป็นการนำผลไม้อย่างมะม่วงมาปั่นให้เป็นเนื้อละเอียด และนำไปปรุงแต่งให้เกิดเป็นเมนูที่หลากหลาย โดยมะม่วงนั้นเป็นผลไม้มีคุณประโยชน์สำหรับผู้รับประทานเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในเรื่องของวิตามินซีและวิตามินเอที่มีค่อนข้างสูง โดยวิตามินทั้งสองชนิดนี้ จะช่วยป้องกันโรคหวัดและเลือดออกตาไรฟันแก่ผู้รับประทาน แถมยังบำรุงสายตาทำให้มองเห็นได้ดีอีกด้วย ที่สำคัญเลยก็คือใครที่ท้องผูกเป็นประจำ มะม่วงก็มีส่วนช่วยในเรื่องของการขับถ่ายได้ดีอีกด้วย

มะม่วงปั่น
ที่มา https://news.kapook.com/topics/

มะม่วงปั่น เมนูสำหรับคนรักสุขภาพ และลดน้ำตาลในเลือด

มะม่วงปั่น แม้จะเป็นผลไม้ที่มีปริมาณของน้ำตาลเยอะพอสมควร แต่เมื่อเราต้องการนำมาทำเป็นเมนูเครื่องดื่ม ก็สามารถช่วยให้เป็นเมนูเพื่อสุขภาพได้เช่นกัน โดย น้ำมะม่วงปั่น เพื่อสุขภาพ นี้จะเป็นแบบไม่ใส่น้ำตาล ไม่ใส่น้ำเชื่อม เพื่อไม่ให้ปริมาณของการดื่มมะม่วงปั่นนี้มากน้ำตาลอยู่มากเกินไปนั่นเอง มะม่วงปั่น ใช้มะม่วงอะไร?

วัตถุดิบ

  1. มะม่วงสุก 1 – 2 ลูก
  2. น้ำเปล่า 1 แก้ว
  3. น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ
  4. น้ำแข็งบด
  5. เครื่องปั่น

มะม่วงปั่น วิธีทำ

  1. นำมะม่วงมาล้างให้สะอาดและปลอกเปลือกให้เรียบร้อย
  2. หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ เพื่อให้เครื่องปั่นปั่นได้ง่าย และรวดเร็ว
  3. ใส่เนื้อมะม่วงลงไป พร้อมกับน้ำแข็งบด และตามด้วยน้ำผึ้ง
  4. จากนั้นปั่นให้เปลี่ยนจนเนื้อมะม่วงและน้ำแข็งเป็นเนื้อเดียวกัน 
  5. เทใส่แก้วที่ต้องการ และดื่มได้เลย
มะม่วงปั่น
ที่มา https://betv.disway.id/read/

แนะนำเครื่องดื่มที่ทำจาก มะม่วง

มะม่วงปั่น ถือเป็นเมนูยอดฮิต ที่ร้านเครื่องดื่มดัง เช่น มะม่วงปั่น อเมซอน หรือคาเฟ่ต่างๆ นิยมนำมาเป็นเมนูภายในร้าน นอกจากจะได้รับประโยชน์จากมะม่วงแล้ว ก็ยังได้ความสดชื่นจากการดื่มเครื่องดื่มเย็นๆ อีกด้วย สำหรับเมนูเครื่องดื่ม มะม่วงปั่น สมูทตี้ ยังมีอีกหลากหลายเมนู มะม่วงปั่นโยเกิร์ต ที่น่าสนใจ และคิดว่าหลายคนคนคงอาจจะอยากทราบอยู่เหมือนกัน ว่ามะม่วงน้ำสามารถทำเครื่องดื่มแบบไหนได้บ้าง

สมูทตี้มะม่วงโยเกิร์ต  คลิ๊กที่นี่!

เมนูที่ได้ยกตัวอย่างมานั้น เป็นเพียงไม่กี่เมนูที่มีอยู่ตามร้านทั่วไป เนื่องจากยังมีอีกหลายเมนูที่ได้นำมะม่วงนั้นมาทำเป็นเครื่องดื่มอร่อยๆ ให้เราได้ไปลองชิมกัน

มะม่วงนอกจากอร่อย ยังช่วยให้เกิดรายได้อีกด้วย

มะม่วงปั่นกับอะไรอร่อย คืออีกเมนูหนึ่งที่ช่วยทำให้มะม่วงนั้น ไม่ได้เป็นเพียงผลไม้ทำธรรมดาที่ปรอกเปลือกแล้วก็กิน เพราะมันสามารถนำไปทำเมนูต่างๆ ที่อร่อยและมีประโยชน์ได้ และสำหรับเพื่อนๆ คนไหนที่มีไอเดียดีๆ และกำลังเปิดคาเฟ่หรือร้านน้ำปั่นก็สามารถนำมะม่วงนั้นไปต่อยอดคิดค้นเมนูใหม่ๆ ให้เป็นที่ชื่นชอบของคนรัก มะม่วง ได้

Categories
อาหารคาว

เมนูอร่อย ต้มแซ่บกระดูกหมู สูตรง่ายที่ให้ความอร่อยและเผ็ดตามใจ

ต้มแซ่บกระดูกหมู เป็น อาหารไทย ที่เผ็ดแซ่บและอร่อยมากที่คุณสามารถทำเองในบ้านได้ ไม่ว่าคุณจะชอบเจริญอาหารไทยหรืออยากลองสูตรใหม่ ต้มแซ่บกระดูกหมูอ่อน ต้มแซ่บใส่อะไรบ้าง คือตัวเลือกที่เหมาะสมที่คุณควรลองทำ

ส่วนผสมสำคัญของ ต้มแซ่บกระดูกหมูอ่อน ใส่อะไรบ้าง

ส่วนผสม ต้มแซ่บกระดูกหมู ใส่อะไรบ้าง

  • กระดูกหมู 500 กรัม กระดูกหมูอ่อน คุณสามารถใช้กระดูกหมูอ่อนหรือกระดูกหมูยอดใหญ่ตามความต้องการของคุณ
  • น้ำ 4 ถ้วย
  • ใบมะกรูด 4-5 ใบ ใบมะกรูดให้กลิ่นหอมสดชื่นในต้มแซ่บ
  • ตะไคร้ (หั่นเป็นท่อน) 2 ต้น
  • หอมแดง (หั่นเป็นชิ้น) 1 ลูก
  • มะนาว (คั้นเป็นจั่น) 1-2 ลูก
  • น้ำปลา 2-3 ช้อนโต๊ะ น้ำปลาให้รสเค็มที่เติมเต็งรสชาติของต้มแซ่บ
  • น้ำตาลปี๊บ 1-2 ช้อนชา
  • พริกขี้หนู (ตามรสชาติ) 2-3 เม็ด พริกแกงเผ็ด ส่วนสำคัญที่ทำให้ต้มแซ่บกระดูกหมูมีรสเผ็ดแซ่บ คุณสามารถใช้พริกแกงแดงหรือเขียวตามความชอบ
  • ใบยอ (ใช้ให้กินคู่กับต้ม) ตามชอบ
  • มะขามหวาน มะขามหวานให้รสหวานเย็นที่ทำให้รสชาติดีขึ้น
ต้มแซ่บกระดูกหมู

ขั้นตอนการทำ ต้มแซ่บกระดูกหมู

ต้มแซ่บ กระดูกหมู เป็นอาหารไทยที่อร่อยและเผ็ด คุณสามารถปรับรสชาติตามความชอบของคุณ อาหารนี้เป็นทางเลือกที่ดีในวันที่อยากทานอาหารเผ็ดและรสชาติตะมันติ

ต้มแซ่บกระดูกหมูอ่อน วิธีทํา

  1. นำกระดูกหมูไปล้างให้สะอาด และนำมาลวกในน้ำเดือดประมาณ 5-10 นาทีเพื่อเอาส่วนฟิล์มออก หรือถ้าคุณใช้กระดูกหมูลวกสำหรับซุปในลองโฮมเล็ก คุณสามารถข้ามขั้นตอนนี้
  2. นำน้ำใส่หม้อ และนำกระดูกหมูลวกที่ได้มาใส่ลงไป ตามด้วยใบมะกรูด, ตะไคร้, หอมแดง, และมะนาว
  3. หมักกระดูกหมู ต้มกระดูกหมู ในน้ำจนสุก แล้วเติมพริกแกงเผ็ดลงไป คนให้เข้ากัน
  4. ใส่มะขามหวานและใบมะกรูด ใส่มะขามหวานและใบมะกรูดลงไปในหม้อ คนให้เข้ากัน
  5. ปรุงรส เติมน้ำปลาและน้ำตาลลงไป คนให้เข้ากันและปรุงรสตามความชอบ
  6. ตั้งไฟให้น้ำเริ่มเดือด แล้วลดไฟให้เดือดอ่อนๆ คราวละ 15-20 นาที หรือจนกระดูกหมูสุก ต้มจนเดือด ต้มต้มแซ่บกระดูกหมูจนกระดูกหมูนุ่มและรสชาติครบถ้วน
  7. เสิร์ฟ เสิร์ฟต้มแซ่บกระดูกหมูร้อนๆ พร้อมส่วนผสมเพิ่มเติม เช่น ผัก, ตะไคร้, หอมแขก, และกระเทียม

สรุป

ต้มแซ่บกระดูกหมูเป็นอาหารไทยที่มีรสชาติเผ็ดแซ่บและอร่อยมาก คุณสามารถทำเองได้ง่ายๆ ในบ้านด้วยส่วนผสมที่ไม่ยากเย็น ลองทำ ต้มแซ่บ กระดูกหมู ในวันที่คุณต้องการรสชาติแบบไทยที่แท้จริง

Categories
อาหารคาว

ไข่เยี่ยวม้าลูกเขย ความเชื่อและความประโยชน์

ในวงบ้านไทย ไข่เยี่ยวม้าลูกเขยคือสิ่งที่เราคุ้นเคยกันมาก ไข่เยี่ยวม้าลูกเขยไม่เพียงแต่มีความหลากหลายในรสชาติและสูตร แต่ยังมีความหมายทางสัญลักษณ์และประโยชน์ทางสุขภาพในวัฒนธรรมไทย ในบทความนี้ เราจะสำรวจเรื่องรสชาติของ ไข่เยี่ยวม้าลูกเขย วิธีทำ, และประโยชน์ของมันในอาหารไทย

ไข่เยี่ยวม้าลูกเขย ความหลากหลายในรสชาติ

ไข่เยี่ยวม้า ลูกเขย มีความหลากหลายในรสชาติที่ควรลองบ้าง โดยเฉพาะสูตรต่าง ๆ ที่มีอยู่ในประเทศไทย

ไข่เยี่ยวม้าลูกเขยทรงเครื่อง

สูตรนี้มีรสชาติหวาน ๆ และเค็ม ๆ ที่ทำให้คนชอบรสนี้ต้องหลงใหล

ไข่เยี่ยวม้าลูกเขยผัดกระเทียม

สูตรนี้มีรสชาติเผ็ดจากพริกและกลิ่นกระเทียมที่หอม

ไข่เยี่ยวม้าลูกเขยผัดพริกแกง

สูตรนี้มีรสชาติเผ็ดและเข้มข้นจากพริกแกงที่ใส่

ไข่เยี่ยวม้าลูกเขย

วิธีทำไข่เยี่ยวม้าลูกเขย

ส่วนประกอบหลัก

  • ไข่เยี่ยวม้า ลูกเขย
  • น้ำตาล
  • ซอสถั่วเหลือง
  • ซอสหอยนางรม
  • น้ำมันพืช
  • พริกไทย

ไข่เยี้ยวม้า วิธีทํา

  1. ตอกไข่เยี่ยวม้าลูกเขยใส่ชามแล้วผสมกับน้ำตาล, ซอสถั่วเหลือง, ซอสหอยนางรม, และน้ำมันพืช
  2. คนให้เข้ากันให้ทุกส่วนผสมเป็นเนื้อเดียว
  3. เทน้ำตาลลงในกระทะที่ร้อนแล้วผัดให้น้ำตาลละลายและตัวสุก
  4. เทไข่เยี่ยวม้าลูกเขยลงในกระทะแล้วผัดจนสุก
  5. ใส่พริกไทยลงบนไข่เยี่ยวม้าลูกเขยแล้วคนให้เข้ากัน
  6. ตักใส่จานและเสิร์ฟ

ประโยชน์ของไข่เยี่ยวม้าลูกเขย

ไข่เยี่ยวม้าลูกเขยเป็นอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย

  • ส่งเสริมการสร้างกล้ามเนื้อ
  • เสริมสร้างกระดูกและฟัน
  • มีโปรตีนคุณภาพสูง

อาหารไทยและไข่เยี่ยวม้าลูกเขย

ไข่เยี่ยวม้า ลูกเขย เป็นส่วนหนึ่งของ อาหารไทย ที่หลากหลายและอร่อย มันใช้ในหลายเมนูเช่น ผัดไทย, ผัดผักรวม, และแกงคั่ว ไข่เยี่ยวม้าลูกเขยเป็นอิทธิพลในการเพิ่มรสชาติและความอร่อยให้กับอาหารไทย

การใช้ไข่เยี่ยวม้าลูกเขยเซเว่น

ในยุคที่คนหายหายกันจากความสุขภาพ ไข่เยี่ยวม้า ลูกเขย เซเว่น เริ่มกลายเป็นเวลาที่ดีในการเสพ ความหลากหลายของรสชาติและประโยชน์ทางสุขภาพทำให้มันเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการทานอาหารที่อร่อยและสุขภาพ

สรุป

ไข่เยี่ยวม้าลูกเขยเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรม อาหารไทย ที่หลากหลายและอร่อย มันมีความหลากหลายในรสชาติ, มีวิธีทำที่ง่าย, และมีประโยชน์ต่อสุขภาพ ไม่ว่าคุณจะทานเป็นอาหารหลักหรือเป็นอาหารว่าง, ไข่เยี่ยวม้าลูกเขยเสมอเป็นตัวเลือกที่ดี

คำถามที่พบบ่อย

1. ไข่เยี่ยวม้าลูกเขยเป็นอาหารที่มีประโยชน์อย่างไรต่อสุขภาพ?

ไข่เยี่ยวม้าลูกเขยมีโปรตีนคุณภาพสูง และมีส่วนสำคัญในการสร้างกล้ามเนื้อและฟัน

2. มีสูตรไข่เยี่ยวม้าลูกเขยในอาหารไทยอื่น ๆ นอกจากที่กล่าวถึงในบทความนี้หรือไม่?

ใช่, มีหลายสูตรที่นำไข่เยี่ยวม้าลูกเขยไปใช้ในอาหารไทยอื่น ๆ เช่น ผัดไทยและแกงคั่ว

3. ไข่เยี่ยวม้าลูกเขยเซเว่นคืออะไร?

ไข่เยี่ยวม้าลูกเขยเซเว่นคือเวอร์ชันของไข่เยี่ยวม้าลูกเขยที่เน้นคุณภาพสูงและความหลากหลายในรสชาติ

4. วิธีทำไข่เยี่ยวม้าลูกเขยง่าย ๆ ที่คนทั่วไปสามารถลองทำได้ไหม?

ใช่, วิธีทำไข่เยี่ยวม้าลูกเขยง่าย ๆ และคนทั่วไปสามารถลองทำได้โดยไม่ยากเย็น

Categories
อาหารคาว

ปลาราดพริกสามรส

ปลาราดพริกสามรส

ปลาราดพริกสามรส เป็นอาหารไทยที่มีรสชาติเปรี้ยว, หวาน, และเผ็ด อร่อยและอบอุ่น ซึ่งสามารถนำไปทำประโยชน์ได้หลากหลายวิธี เช่น การทำเป็นเครื่องปรุงสำหรับปลา หรือ ทำเป็นน้ำจิ้มสำหรับไก่ วันนี้ เราจะมาพูดคุยกันเกี่ยวกับปลาราดพริกสามรส ว่ามีวิธีทำอย่างไรบ้าง และมีประโยชน์อย่างไร

ความสำคัญของ ปลาราดพริกสามรส

การทำปลาราดพริกสามรสไม่ยาก แต่ต้องใช้วิธีการที่ถูกต้อง และต้องมีวัตถุดิบที่คุณภาพดี และส่วนผสมที่สามารถทำให้รสชาติของปลาเด่นชัด

วัตถุดิบที่ต้องการ

1.ปลา

ปลาที่ใช้ในการทำ ปลา ราดพริกสามรส ควรเป็นปลาที่สดและไม่มีกลิ่น ปลาสด จะทำให้รสชาติของปลาราดพริกสามรสเด่นชัดและอร่อย

2. พริกสามรส

พริกสามรส เป็นส่วนผสมที่สำคัญในการทำปลาราดพริกสามรส ซึ่งทำให้มีรสเผ็ด เปรี้ยว และหวาน ในตัวปลาราดพริก

3. วัตถุดิบอื่นๆ

นอกจากปลาและพริกสามรสแล้ว ยังมีวัตถุดิบอื่นๆที่ต้องการในการทำปลาราดพริกสามรส เช่น น้ำตาลปี๊บ น้ำปลา และน้ำมะนาว

วิธีการทำปลาราดพริกสามรส

การทำ ปลาทอด ราดพริกสามรส มีขั้นตอนที่ต้องปฏิบัติตาม อย่างที่แนะนำให้ความสำคัญกับคุณภาพของวัตถุดิบ การเตรียมวัตถุดิบ การทำส่วนผสม และการปรุงรส เพื่อให้ได้รสชาติที่ดีที่สุด

1. การเตรียมวัตถุดิบ

การเตรียมวัตถุดิบเป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการทำปลาราดพริกสามรส และเป็นขั้นตอนที่แรกที่ต้องทำ

3. การทำส่วนผสม

การทำส่วนผสมของปลาราดพริกสามรส ต้องทำด้วยความระมัดระวังและความใส่ใจในรายละเอียด เพื่อให้ได้รสชาติที่ดี

3. การทำน้ำจิ้ม

การทำน้ำจิ้มสำหรับปลาราดพริกสามรส นั้น ต้องใช้วัตถุดิบที่ดีและใช้วิธีการที่ถูกต้อง ในการผสมวัตถุดิบ

4. การปรุงรส

การปรุงรสสำหรับปลาราดพริกสามรส เป็นขั้นตอนที่สุดท้ายที่ต้องทำ และเป็นขั้นตอนที่ทำให้รสชาติของปลาราดพริกสามรสเด่นชัดและเป็นเอกลักษณ์

การเสิร์ฟปลาราดพริกสามรส

การเสิร์ฟ ปลาทอด ราดพริกสามรส มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะการเสิร์ฟที่ดี จะทำให้คนที่กินรู้สึกอิ่มใจและต้องการที่จะกินอีก

ปลาราดพริกสามรส กับ น้ำจิ้มไก่

น้ำจิ้มไก่ เป็นน้ำจิ้มที่ใช้กับปลาราดพริกสามรส ซึ่งทำให้รสชาติของปลาเด่นยิ่งขึ้น

ข้อควรระวังในการทำปลาราดพริกสามรส

ในการทำปลาราดพริกสามรส มีข้อควรระวังที่ต้องให้ความสำคัญ เพื่อให้ได้ปลาราดพริกสามรสที่อร่อยและสุขภาพดี

ประโยชน์ของการทำปลาราดพริกสามรสเอง

การทำปลาราดพริกสามรสเอง มีประโยชน์หลายประการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสุขภาพ การอนุรักษ์และการพัฒนาทักษะการทำอาหาร

ปลาสามรสราดพริก อาหารประจำของเรา

ปลาราดพริก สามรส เป็นอาหารที่สามารถทำได้ทุกวัน และเหมาะกับการทานเป็น อาหารจานเดียว

ข้อสรุป

ในสุดท้าย ปลา ราด พริก 3 รส เป็นอาหารที่อร่อยและมีคุณค่าทางสุขภาพ และสามารถทำเองได้ง่ายดาย

คำถามที่พบบ่อย

  1. ปลาราดพริกสามรสสามารถเก็บไว้นานเท่าไหร่?
  2. พริกสามรส คืออะไร?
  3. วัตถุดิบที่ใช้ในการทำน้ำจิ้มไก่คืออะไรบ้าง?
  4. ความแตกต่างระหว่างปลาราดพริกและปลาราดพริกสามรสคืออะไร?
  5. สามารถใช้ ปลา ชนิดอื่น ๆ ทำปลาราดพริกสามรสได้หรือไม่?
Categories
อาหารคาว

หมึกผัดไข่เค็ม เมนูสุดฟินแห่งความนัวที่กินพร้อมข้าวสวยร้อน ๆ

ใครที่เป็นสายชอบปลาหมึก ต้องเมนูนี้เลย หมึกผัดไข่เค็ม เมนูอาหารไทย ที่ใคร ๆ หลายคน เวลาไปเที่ยวต่างจังหวัด เที่ยวทะเล หรือไปทานข้าวร้านอาหาร ต้องสั่งทุกครั้ง เพราะเป็นเมนูยอดฮิตที่ขึ้นชื่อของ อาหารไทย เลยก็ว่าได้ เพราะรสชาตินั้นจะมีความนัวของไข่เค็ม ที่กินกับข้าวสวยแล้วมีความพอดีกันอย่างสุด ๆ แต่ก็มีหลายคนที่ชอบทานเมนูนี้ แต่อยากทานที่บ้าน เพราะด้วยสถานการณ์โรคระบาดไวรัส โควิด 19 จึงไม่อยากออกไปไหน วันนี้เราจะมาแกะสูตรหมึกผัดไข่เค็ม ที่สามารถทำเองที่บ้านได้ โดยไม่ต้องไปซื้อที่ร้านอาหาร

ส่วนผสม หมึกผัดไข่เค็ม

หมึกผัดไข่เค็มเมนูอาหารไทยที่อาจจะมีส่วนผสมของ เมนูหมึกผัดไข่เค็ม เยอะหน่อยแต่รับรองได้ว่า เตรียมส่วนผสมแล้วคุ้มกับความอร่อยอย่างแน่นอน

  1. ไข่แดงเค็ม                       4 ลูก
  2. ไข่เค็ม                           1 ฟอง
  3. ซอยหอยนางรม                 1 ช้อนโต๊ะ
  4. พริกเผา                          1 ช้อนโต๊ะ
  5. น้ำเปล่า                          1/3 ถ้วย
  6. กระเทียมสับ                    1 ช้อนโต๊ะ
  7. ซีอิ้วขาว                         1 ช้อนโต๊ะ
  8. ปลาหมึกกล้วย                  350 กรัม
  9. ขึ้นฉ่ายหั่นท่อน                 ตามใจชอบ
  10. ผักชีหั่น                          ตามใจชอบ
  11. พริกชี้ฟ้า                         ตามใจชอบ
  12. น้ำมันพืชเอาไว้ผัด
  13. น้ำปลา                          1 ช้อนโต๊ะ
  14. น้ำตาล                           1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำหมึกผัดไข่เค็ม

หมึกผัดไข่เค็ม เมนูสุดโปรดของคนหลายคน วันนี้เราเลยจะพาเพื่อน ๆ มาแกะ วิธีทำหมึกผัดไข่เค็ม กัน แต่คิดว่าในเกือบทุกที่ สูตรหมึกผัดไข่เค็ม น่าจะเหมือนกันหมด

  1. ตั้งกระทะ เทน้ำมันลงไป ใช้ไฟร้อนกลาง ๆ หลังจากนั้นให้เอากระเทียมสับลงไปผัดให้มีความเหลือง และใส่ปลาหมึกลงไป ( ไม่ควรผัดนานเพราะปลาหมึกจะสุกเกิน) ผัดให้ปลาหมึกมีความขาว
  2. ใส่ไข่แดงเค็มลงไป บดให้ละเอียด ก่อนผัดให้ใส่ไข่เค็มหั่นชิ้นลงแล้วค่อยผัดกับปลาหมึกให้เข้ากัน
  3. ใส่พริกเผา ซอยหอยนางรม ซีอิ้วขาว น้ำตาล น้ำปลา ที่เตรียมไว้ลงไปผัดให้เข้ากัน ตามด้วยน้ำเปล่า
  4. ใส่ผักที่เตรียมไว้ใส่ขึ้นฉ่าย ต้นหอม และพริกชี้ฟ้า ผัดให้เข้ากัน แล้วตักขึ้นจัดใส่จาน โรยตกแต่งด้วยพริกชี้ฟ้าแดงซอยเป็นเส้น ก็พร้อมเสิร์ฟได้เลย

บทส่งท้ายกับเมนูสุดฮิต

เป็นไงบ้างคะเพื่อน ๆ อาจจะเตรียม ส่วนผสมหมึกผัดไข่เค็ม เยอะหน่อย แต่ วิธีทำหมึกผัดไข่เค็ม นั้นมีไม่กี่ขั้นตอน สามารถทำได้อย่างไว หากใครลอง เมนูอาหารไทย เมนูนี้รับรองว่าจะติดปากคุณไปอีกนานเลยแหละ สามารถทำกินเองได้อย่างสบาย ๆ เลยแหละเพื่อน ๆ

Categories
อาหารคาว

ยำเส้นแก้ว รสชาติแซ่บ ๆ อร่อยเผ็ดเด็ดแน่นอน สูตรฟรีทำง่าย ทำขายได้กำไรดีมากแน่นอน

ยำเส้นแก้ว

ยำเส้นแก้ว เป็นอาหารรสชาติจัดจ้านที่อร่อยมากค่ะ รสชาติเผ็ดเค็มหวานลงตัวมาก แค่มองก็น้ำลายสอแล้วจ้า และที่เด็ดมากกว่าความอร่อยคือแคลอรีต่ำมาก เพราะเส้นบุกนั้นถือเป็นอาหารแคลต่ำที่ฮิตมากในหมู่คนรักสุขภาพ อีกทั้งยังช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้นอีกด้วย ถ้าใครอยากหายำแซ่บ ๆ ทานบอกเลยจานนี้แนะนำสุด ๆ ค่ะ

ยำเส้นแก้วมีส่วนผสมและวัตถุดิบอะไรบ้าง

ยำเส้นแก้วเป็นอาหารที่ปรุงง่ายมากค่า ที่สำคัญคืออาหารจานนี้ใช้ส่วนผสมน้อยและหาง่ายมาก ๆ ยําเส้นแก้ว สูตรที่เรานำมาฝากนั้นมีวัตถุดิบตามนี้เลยค่า

ส่วนผสมของ ยําเส้นแก้ว คือ

  1. เส้นแก้ว 1/2 กิโลกรัม
  2. หมูยอ 200 กรัม
  3. หมูสับ 1/2 กิโลกรัม
  4. ปลาหมึก 4 ตัว
  5. กุ้ง 16 ตัว
  6. พริก 25 เม็ด
  7. มะนาว 4 ลูก
  8. มะเขือเทศ 4 ลูก
  9. ขึ้นฉ่าย 1ต้น
  10. น้ำปลา 4 ช้อนโต๊ะ
  11. ผงชูรส 1 ช้อนชา
  12. น้ำกระเทียมดอง 5 ช้อนโต๊ะ
ยำเส้นแก้ว

วิธี ยําเส้นแก้ว ให้อร่อยแซ่บอย่าบอกใคร

          ยําเส้นแก้ว ง่าย ๆ สามารถทำได้ด้วยตัวเองใช้เวลาไม่นานเลยค่ะ เพื่อไม่ให้เสียเวลาเรามาดูกันเลยว่าเมนูนี้มีวิธีการทำอย่างไรให้อร่อยนะคะ

  1. ตั้งหม้อเทน้ำเปล่าลงไปรอให้น้ำเดือด
  2. ลวกหมูยอให้สุกดี จากนั้นพักไว้
  3. จากนั้นตั้งหม้อเทน้ำเปล่าลงไปรอให้เดือด แล้วลวกหมูสับให้สุกดี
  4. ตั้งหม้อเทน้ำเปล่าลงไปรอให้น้ำเดือด ใส่หมึกและกุ้งลงไปลวกให้สุก พักไว้ก่อน
  5. ใส่น้ำตาลปี๊บ น้ำปลา น้ำกระเทียมดอง ผงชูรส คนส่วนผสมให้เข้ากัน
  6. ใส่หมูสับลงไปบีบมะนาวตามเล็กน้อย ตามด้วยมะเขือเทศ คลุกเคล้าให้เข้ากันดี
  7. ใส่หมูยอ กุ้ง หมึก เส้นแก้ว คลุกเคล้าให้เข้ากันดี
  8. เมื่อเคล้าจนได้ที่แล้วโรยคื่นฉ่ายลงไป คลุกเคล้าต่อได้เลยค่ะ
  9. พร้อมเสิร์ฟ

ยำเส้นแก้ว มีประโยชน์ดี ๆ ต่อร่างกายอย่างไรบ้าง

          เส้นแก้วนั้นเป็นอาหารที่แคลต่ำมาก อีกทั้งยังดีต่อสุขภาพ เป็นอาหารที่เหมาะจะทำให้ที่บ้านทานมาก ๆ ยําเส้นแก้ว คลีน ยิ่งดีมากขึ้นไปอีก เพื่อน ๆ สามารถปรับสูตรโดยการเปลี่ยนเครื่องปรุงเป็นแบบคลีนจะดีต่อสุขภาพมากขึ้นค่า แต่ถ้าเพื่อน ๆ ชอบความแซ่บความนัว แนะนำให้ลองทำตามสูตรด้านบนได้เลยจ้า ส่วนสารอาหารที่ร่างกายจะได้รับนั้นมีเยอะมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นโปรตีนจากเนื้อสัตว์ และได้รับไขมันต่ำกำลังดี ส่วนให้มีการดูดซึมวิตามินที่ดีมากขึ้นด้วย วิตามินและเกลือแร่จากมะเขือเทศช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งมากขึ้นด้วย เรียกได้ว่าหุ่นดีพร้อมผิวสวยไปด้วยกันเลยค่า ส่วนคำถามที่ว่า ยําเส้นแก้ว กี่แคล คำตอบคือ 100 กิโลแคลอรีเท่านั้นเอง ได้ทั้งประโยชน์และได้ลดไขมันไปด้วยเลิศมากค่า

Categories
น้ำ

สูตร น้ำเต้าหู้ โฮมเมด ทำง่ายอร่อยจริง บำรุงสุขภาพจากภายในสู่ภายนอก

น้ำเต้าหู้

น้ำเต้าหู้ เครื่องดื่มยอดฮิตพิชิตโรคที่หลายคนนิยมดื่มกันเป็นเครื่องดื่มยามเช้า คู่กับขนมปังหรือปาท่องโก๋ นอกจากรสชาติที่หอมมันเข้มข้นแล้วนั้นยังเป็นเครื่องดื่มที่อุดมไปด้วยสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย สายรักสุขภาพห้ามพลาดอย่างเด็ดขาด ซึ่งที่มาของนมถั่วเหลืองนี้ต้องย้อนไปเมื่อ 2100 ปี เจ้าชายหลิวอันได้สั่งให้พ่อครัวนำถั่วเหลืองไปต้มเป็นซุปแล้วเติมเกลือลงไป เพื่อถวายแก่มารดาที่ประชวร ซึ่งพระนางชื่นชอบมาก ต่อมาสูตรนี้ได้แพร่กระจายออกไป และได้รับความนิยมสืบต่อมาจนปัจจุบัน

น้ำเต้าหู้ แบบจีนน้ำเต้าหู้ สูตรฮ่องกง เข้มข้น หวานมัน ทำง่ายขายคล่อง

น้ำเต้าหู้

น้ำเต้าหู้เป็นเครื่องดื่มที่ทำจากถั่วเหลืองซึ่งมีรสชาติเข้มข้นน้ำเต้าหู้ ประวัติ ในประเทศไทยและต่างชาติกล่าวไว้ว่ามีการดื่มกันมาก เนื่องจากรสชาติอร่อยถูกปาก แถมยังดีต่อสุขภาพ แต่เพื่อน ๆ หลายคนที่คิดจะทำน้ำเต้าหู้ ปาท่องโก๋ขายกลับพบว่าการทำไม่ให้นมเต้าหู้เหม็นเขียวนั้นยาก เราจึงอยากแบ่งปันสูตรดี ๆ ให้

วัตถุดิบและขั้นตอนการทำ

ส่วนผสมสูตรน้ำเต้าหู้ 1 KG.

1. ถั่วเหลือง 666 กรัม

2. ถั่วลิสงคั่ว 334 กรัม

3. น้ำเปล่า 8,000 ML.

4. ใบเตย 12-15 ใบ

ขั้นตอนการทำ

1. นำถั่วเหลืองแช่น้ำประมาณ 4-5 ชั่วโมง จากนั้นนำไปซาวน้ำให้น้ำใส

2. นำไปปั่นรวมกับถั่วลิสง โดยใส่น้ำเปล่าลงไปด้วย

3. นำถั่วที่ปั่นไปกรองบีบน้ำนมถั่วออก จากนั้นนำไปปั่นต่ออีก 2-3 รอบ เพื่อดึงน้ำออกมาให้มากที่สุด

4. นำน้ำถั่วที่ได้ไปกรองอีกรอบ เทลงหม้อพร้อมใบเตยมัด

5. ใส่น้ำเปล่าลงในเตาหรือหม้อที่เราจะให้ความร้อน

6. ใส่หม้อที่มีนมถั่วลงไปตุ๋นในหม้อน้ำ ประมาณ 30 นาทีขึ้นไป

7. พร้อมเสิร์ฟ

กิน น้ำเต้าหู้มีประโยชน์อย่างไร

        น้ำเต้าหู้คือเครื่องดื่มที่ได้จากถั่วเหลืองอันอุดมด้วยคาร์โบไฮเดรต ไขมันดี กรดอะมิโน และเส้นใยอาหารสูง ซึ่งมีส่วนช่วยลดระดับคอเรสเตอรอล ลดน้ำหนัก เสริมสร้างความแข็งแรงของหลอดเลือด นอกจากนี้ป้องกันการเกิดโรคเบาหวานอีกด้วย

น้ำเต้าหู้
Categories
น้ำ

สูตร กาแฟ อร่อยรสเลิศ ทำเองไม่ยากได้ทั้งความหอมอร่อยจากเมล็ดกาแฟ

กาแฟ

กาแฟ เป็นเครื่องดื่มที่นิยมทานกันมากทั่วโลก ซึ่งได้มาจากการนำเมล็ดไปคั่วผ่านความร้อนจากต้นกาแฟ ซึ่งเชื่อกันว่าถูกค้นพบครั้งแรกโดยเด็กเลี้ยงแพะที่ประเทศเอธิโอเปีย เนื่องจากเขาสังเกตว่าแพะกินผลสีแดงแล้วรู้สึกกระปรี้กระเปร่ามากขึ้น ซึ่งก็คือต้นกาแฟนั่นเอง ในอดีตชาวอาหรับนั้นหวงแหนต้นพันธุ์กาแฟมาก แต่สุดท้ายชาวอินเดียที่เข้ามาแสวงบุญก็ได้ลักลอบเอาเมล็ดกาแฟไปและทำให้พันธุ์นั้นกระจายไปทั่วโลกจนถึงปัจจุบัน

แจกสูตรเด็ด กาแฟ 4 สูตรลับ

1.แจกสูตรเด็ด กาแฟลาเต้ดริปเย็นแบบง่าย กาแฟดริปทำได้ขายดีชัวร์ 100%

กาแฟ

กาแฟดริป คือ การใช้น้ำเป็นตัวนำรสชาติและกลิ่นหอมของกาแฟออกมาให้มากที่สุด โดยจะไหลผ่านผงกาแฟคั่วในตัวกรอง ซึ่งทำให้ได้ความเข้มข้นและหอมมันแบบสุด ๆ

ส่วนผสมและขั้นตอนการทำเมนูกาแฟยอดฮิต

ส่วนผสม

1. เมล็ดกาแฟ15 g

2. นมสด200 ml

3. น้ำเปล่า150 ml

ขั้นตอนการทำกาแฟโบราณ

เมื่อได้กาแฟสดที่ดริปแล้วก็เทนมสดลงมาผสม 150 มล. ตามชอบ แบ่งนม 50 มล. เพื่อมาตีฟองนม ก็จะได้แล้ว 

เคล็ดลับ: ตอนตีฟองนมภาชนะที่ใส่นมต้องเย็นจัดฟองนมจะฟูฟ่องสวยงาม

คุณประโยชน์จากเมนูกาแฟ

       การหาซื้อกาแฟสดอาจจะเป็นเรื่องที่หลายคนไม่ค่อยสะดวกเนื่องจากต้องกักตัวอยู่บ้าน บอกเลยว่าเปลี่ยนเวลาว่างเป็นการเรียนรู้การดริปกาแฟนั้นแสนคุ้มค่านอกจากจะได้ลิ้มลองกาแฟรสเด็ดที่ช่วยปลุกพลังให้พร้อมทำงานต่อ อีกทั้งยังเพิ่มการเผาผลาญให้กับร่างกาย และยิ่งกว่านั้นหากดื่มกาแฟในปริมาณที่เหมาะสมจะได้รับสารต้านอนุมูลอิสระช่วยให้เซลล์ไม่แก่วัยด้วยนะ

2.สูตรกาแฟเอสเปรสโซ่ เข้ม ๆ หอมถึงใจ ไม่ต้องใช้เมล็ดกาแฟ ราคาแพงก็ทำได้

กาแฟ

กาแฟเอสเปรสโซ่ คือ กาแฟที่เข้มข้นมาก มักจะเสิร์ฟเป็นช็อต เรียก “ซิงเกิล” หรือ “ดับเบิล” ซึ่งหมายถึง 1 และ 2 ช็อตนั่นเอง เอสเปรสโซ่นั้นมาจากคำว่า ESPRESSO ซึ่งแปลว่าเร่งด่วน นอกจากนี้เอสเปรสโซ่ช็อตยังเป็นตัวพื้นฐานให้กับเครื่องดื่มหลาย ๆ เมนู

ส่วนผสมและขั้นตอนการทำกาแฟสด

ส่วนผสม

1. ผงเนสกาแฟบาริสต้า

2. นมข้นหวาน

3. นมข้นจืด

4. นมสด

ขั้นตอนการทำ

1. ใช้ผงกาแฟบาริสต้า 4 ช้อนชา

2. เติมน้ำร้อน 120 ml คนให้เข้ากัน

3. ใส่นมข้นหวาน 50 ml

4. ใส่นมข้นจืด 30 ml

5. ใส่นมสด 40 ml คนให้ส่วนผสมเข้ากันดี จากนั้นเทใส่แก้วที่มีน้ำแข็ง ขนาด 22 ออนซ์

คุณประโยชน์หลากหลายในเมนูนี้

         เนื่องจากคาเฟอีนที่อยู่ในเมล็ดกาแฟหากรับในปริมาณที่ไม่มากเกินไปก็จะดีต่อร่างกายหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างสมาธิมากขึ้น ช่วยส่งเสริมความสามารถในการจำระยะยาว อีกทั้งยังไม่น่าเชื่อเลยว่าเครื่องดื่มชนิดนี้สามารถช่วยลดโอกาสการเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ได้อีกด้วย

3.แกะสูตรลับ “กาแฟส้ม” ปลุกความสดชื่นรับเช้าวันใหม่แบบเฟรช ๆ

กาแฟ

อัปเดตเทรนด์กันหน่อยจ้า เมื่อลองเอากาแฟมาผสมกับน้ำส้ม รสชาติจะเป็นยังไงหลายคนอาจจะสงสัยว่ามันอร่อยหรอ บอกได้เลยว่าอร่อยมาก! รสชาติความหนักและเข้มข้นของเอสเปรซโซ่ที่เจอกับความหวานอมเปรี้ยวแสนสดชื่นของน้ำส้มคั้นช่างเป็นคู่หูที่ลงตัว เพราะรสชาติที่กลมกล่อมนี้เองทำให้เมนูนี้ติดเทรนด์บนโลกออนไลน์อย่างรวดเร็ว

          ส่วนผสมการชงกาแฟและขั้นตอนการทำกาแฟ ง่ายๆ

         ส่วนผสม (แก้ว20ออนซ์)

         1. น้ำส้มติ่งฟง

         2. ผงกาแฟบาริสต้า

         ขั้นตอนการทำ

         1. เทน้ำส้ม 30 ml ลงในแก้วผสม

         2. เทน้ำร้อน 125 ml จากนั้นคนให้ละลายเข้ากันดี

         3. ใส่ผงกาแฟ 2 ช้อนชาลงในแก้วผสมอีกใบหนึ่ง

         4. เติมน้ำร้อน 25 ml คนให้เข้ากัน

         5. นำกาแฟเทผสมกับน้ำส้ม พร้อมเสิร์ฟ

คุณประโยชน์จากการชง กาแฟ สด แบบ ต่างๆ

กาแฟเป็นเครื่องดื่มที่ให้มากกว่าความกระปรี้กระเปร่าเมื่อร่างกายเกิดความเมื่อยล้า น้ำส้มที่ใส่มาในส่วนผสมนั้นเองก็เต็มไปด้วยวิตามินซี และเกลือแร่ที่ดีต่อการทำงานอย่างเป็นระบบของร่างกาย มีสมบัติในการสร้างคอลลาเจนเป็นสารที่ช่วยเติมเต็มไม่ให้ผิวเกิดริ้วรอยและมีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอวัย มากไปกว่านั้นคือช่วยบำรุงสายตาและลดโอกาสการเป็นต้อกระจกได้ด้วย

4.ชวนชงกาแฟ กะทิสูตรคีโตจีนิค ดีต่อร่างกาย ช่วนเผาผลาญไขมันในร่างกาย

กาแฟ

ขอเอาใจสายคีโตด้วย กาแฟนมสูตรคีโตที่บอกเลยว่าไม่หลุดเทรนอย่างแน่นอน เพราะเขาใช้น้ำกะทิรสชาติหอมมันมาเติมแทนจ้ะ เป็นกาแฟ กี่แคลไม่สำคัญแล้วเพราะตรงกับการลดน้ำหนักแบบคีโตที่หลายคนรีวิวยืนยันแล้วว่าลดแบบนี้แหละผอมเร็วที่สุด

ส่วนผสมและขั้นตอนการชงกาแฟชนิดนี้

ส่วนผสม

1. กาแฟดำ 100 ml

2. กะทิ 30 ml

ขั้นตอนการทำ

1. ชงกาแฟดำไม่เติมน้ำตาลไว้ 100 ml

2. จากนั้นให้เติมกะทิลงไป คนให้เข้ากัน

3. พร้อมเสิร์ฟ

ประโยชน์จากกาแฟที่มากกว่าที่คิด

                 ความจริงแล้วกาแฟ ข้อดี ข้อเสียมีในแง่ของการปลุกให้ร่างกายรู้สึก ACTIVE มากยิ่งขึ้น มีสารต้านอนุมูลอิสระ ลดโอกาสการเกิดมะเร็งที่สำคัญคือเป็นสารชะลอวัยด้วย แต่หากรับประทานในปริมาณที่มากเกินไป แน่นอนว่าเป็นอันตรายซึ่งข้อเสียได้แก่ ภาวะกระสับกระส่าย ปวดหัว อาหารไม่ย่อย หรือหากทานมากกว่า 5 แก้วต่อวันในคนที่มีภาวะโรคหัวใจและหลอดเลือดอาจทำให้หัวใจล้มเหลวเฉียบพลันได้

บทสรุปส่งท้าย ข้อดีน่าทึ่ง รู้ไหมว่ากาแฟ ขับถ่ายเป็นตัวช่วยที่ดีมาก

         กาแฟเป็นเครื่องดื่มที่ทำให้เศรษฐกิจเติบโตมาก นอกจากเป็นของที่ไว้ทานตอนเช้าหรือยามว่างแล้ว นักธุรกิจหลายคนก็ใช้แผนการตลาดเกี่ยวกับดึงสรรพคุณของ COFFEE เป็นตัวเล่น เช่น ทำไฟเบอร์ จากกาแฟ ซึ่งถือว่าเป็นการเลือกที่ฉลาด เนื่องจากกาแฟจะช่วยเพิ่มกรดในกระเพาะอาหาร เร่งกระบวนการย่อยอาหารและการดูดซึมของลำไส้ จนในที่สุดคุณจะรู้สึกปวดท้องเข้าห้องน้ำในที่สุด

Categories
อาหารคาว

หมูโสร่ง สูตรคุณป้าเมนูเด็ดมัดใจคุณพี่ว่าที่สามีของแม่หญิงการะเกด

หมูโสร่ง

หมูโสร่ง เชื่อว่าหลายคนนั้นไม่รู้จักเมนูนี้มาก่อนอย่างแน่นอน เป็นเมนูอาหารว่างของไทย ในสมัยก่อน แต่พึ่งมารู้จักเมนูนี้ในช่วงละครบุพเพสันนิวาสออกอากาศ ทำให้เมนูอย่างหมูโสร่งนั้นดังเปรี้ยงปร้างภายในข้ามคืนเลยว่าได้ เป็นเมนูยอดฮิตช่วงนั้นเลยก็ว่าได้ไม่ว่าจะไปไหนก็เจอเมนูนี้แน่นอน และทำให้ใครหลายคนนั้นแกะสูตรออกมาทำตาม และนำไปขายกอบโกยรายได้ในช่วงนั้นเลย จะมีส่วนประกอบและวิธีทำอะไรบ้างไปชมกันเลย เผื่อนำไปทำเองกินเล่นยามว่าง

ส่วนผสมเมนูมัดใจ หมูโสร่ง

หากใครยังไม่เคยทำเมนูอย่างหมูโสร่ง วันนี้เรามาดูกันเพราะเราจะทำตามในละครทุกอย่างเรียกได้ว่าเอาหมูโสร่งสูตรอาหารว่าง ของคุณป้ามาไว้ในยุคนี้เลย ว่า ส่วนผสมหมูโสร่ง และ วิธีทำหมูโสร่ง นั้นมีกี่ขั้นตอน ต้องเตรียมของอย่างไรบ้าง

  1. หมูบด                   500 กรัม
  2. รากผักชี                       5 – 6 ต้น
  3. กระเทียม                     2 กำมือ
  4. พริกไทยเม็ด            10 – 15 เม็ด
  5. เกลือ                            1 ปลายนิ้วหยิบ
  6. น้ำปลา                         1 ช้อนโต๊ะ
  7. ไข่ไก่                             3 ฟอง
  8. เส้นหมี่ซั่วแบบจืด                    
  9. น้ำมันเอาไว้ทอด
  10. น้ำจิ้มไก่

วิธีทำเมนูอาหารว่างสุดปังอย่างหมูโสร่ง

เมนูหมูโสร่งนั้นอาจจะมีวิธีทำหลายขั้นตอน แต่รับรองได้ว่าหากทำตามออกมาแล้วต้องอร่อยอย่างแน่นอน แถมยังสามารถทำขายเป็นรายได้เสริมได้อีกแล้ว อย่ารอช้าไปดู วิธีทำหมูโสร่ง กันเลยดีกว่า

  1. สับหมูบดที่เตรียมไว้ให้ละเอียด
  2. นำพริกไทยเม็ด รากผักชี กระเทียม ที่เตรียมไว้ใส่ลงไปแล้วตำให้ละเอียด หลังจากนั้นใส่เกลือลงไปปลายนิ้วหยิบ
  3. นำหมูสับละเอียดมาคลุกกับเครื่องปรุงที่ตำจนละเอียด และไข่ไก่ที่เตรียมไว้ แล้วนวดให้เข้ากัน
  4. นำเส้นหมี่ซั่วไปแช่น้ำ ให้ชุ่มแล้วนำเส้นหมี่ขึ้นมา พักไว้ในถาดที่เตรียมไว้
  5. นำหมูบดมาปั้นเป็นลูกกลม ๆ เล็ก ๆ แล้วนำเส้นหมี่ซั่ว 4-5 เส้น มาพันรอบหมูเป็นลูกตะกร้อ
  6. ตั้งน้ำมัน ไฟกลาง รอน้ำมันเดือด
  7. ให้เอาหมูที่พันเส้นแล้วลงไปทอด ให้สีออกเหลืองน้ำตาลแล้วเร่งไฟขึ้นมานิดหน่อยก่อนเอาขึ้น เพื่อไม่ให้อมน้ำมัน หลังจากนั้นนำขึ้นมาเพื่อสะเด็ดน้ำมัน
  8. นำก้อนหมูมาจัดใส่จานพร้อมกับน้ำพริก ตกแต่งจานด้วยพริกและผักนิดหน่อย เป็นอันว่าเสร็จเรียบร้อยกับหมูโสร่งเมนูอาหารว่าง

บทสรุปของเมนูมัดใจคุณพี่ของออเจ้า

ลองชิมกันหรือยังคะว่า ทำหมูโสร่ง ตามแล้วอร่อยแบบในละครหรือไม่ หมูโสร่งนั้นมีหลายสูตร สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามวัตถุดิบและเครื่องปรุงที่คุณมีอยู่ที่ครัวได้

Categories
อาหารคาว

ส้มตำข้าวโพด อาหารเพื่อสุขภาพ รสชาติจัดจ้าน ประโยชน์จัดเต็ม

ส้มตำข้าวโพด

ส้มตำข้าวโพด  เป็นหนึ่งในส้มตำประเภทหนึ่ง เป็นเมนูอาหารไทยสุดแซ่บที่ใครหลายๆคนรู้จักกัน เป็นที่นิยม ด้วยความแตกต่างที่ไม่เหมือนส้มตำชนิดอื่น เพราะวัตถุดิบหลักคือข้าวโพดนั่นเอง ทำให้เนื้อสัมผัสการกินส้มตำข้าวโพดจะทำให้รู้สึกถึงความนุ่มนึบของข้าวโพด เป็นเอกลักษณ์ความอร่อยที่ไม่เหมือนเมนูอื่น จึงทำให้เมนูส้มตำข้าวโพดเป็นที่นิยม 

ส้มตำข้าวโพด  อาหารยอดนิยมที่คนไทย ใคร ๆ ก็ต้องไม่พลาด

ส้มตำข้าวโพดเมนูนี้แม้จะเป็นอาหารอร่อยรสชาติแซ่บ แต่ด้วยยุคสมัยนี้ที่ผู้คนต่างให้ความใส่ใจเรื่องอาหารการกินกับสุขภาพนั้น หลาย ๆ คนคงจะสงสัยกันว่าอาหารอร่อย ๆ อย่างส้มตำข้าวโพดจะให้แคลอรี่มากน้อยขนาดไหน กินแล้วจะอ้วนมั้ย บอกได้เลยว่าหากผู้ที่อยากคุมแคลอรี่การทานอาหารในแต่ละวัน แต่ก็ยังอยากมีความสุขในการได้กินอาหารที่ชอบอย่าง ส้มตำข้าวโพดก็ไม่ต้องกังวลไปเลย เพราะ ส้มตำข้าวโพด แคลอรี่ ต่อ 1 จาน เพียง 90 กิโลแคลอรี่ เรียกได้ว่าอร่อยอิ่มท้องแถมยังไม่ต้องกลัวอ้วน ครบเครื่องแบบนี้ไม่กินไม่ได้แล้ว

ส้มตำข้าวโพด

ส้มตำข้าวโพดสูตรเด็ดเผ็ดแซ่บที่ใช้วัตถุดิบง่าย ๆ

วัตถุดิบที่ต้องใช้จะมีอะไรบ้าง ไปดูกันเลย

1.ข้าวโพด       1 ฝัก

            2. พริกขี้หนู     10 เม็ด(หรือตามความชอบเผ็ดมากน้อย)

            3. มะเขือเทศ  2-3 ลูก

            4. ถั่วฝั่กยาว    2ฝัก

            5. มะนาว        1 ลูก

            6. แครอท        1 หัว       

          7. กระเทียม    4-5 กลีบ

          8. น้ำตาลปี๊ป   ครึ่งช้อนโต๊ะ

          9. น้ำปลา        2 ช้อนโต๊ะ

            10. กุ้งแห้ง     2 ช้อนโต๊ะ

วัตถุดิบเพียงเท่านี้ หาซื้อได้ง่าย ๆ ก็สามารถทำส้มตำข้าวโพดแสนอร่อยกินเองได้แล้ว แต่ทั้งนี้จากส้มตำข้าวโพด สูตร นี้เป็นเพียงแนวทางการปรุงรสเบื้องต้นเท่านั้น หากท่านใดทำตามก็สามารถปรุงรสเพิ่มลดได้ตามความชอบของตัวเองกันเลย

ส้มตำข้าวโพด

ส้มตำข้าวโพดเมนูสุดแซ่บ มือใหม่ก็ทำเองได้ง่าย ๆ ที่บ้าน

 ส้มตำข้าวโพดเมนูนี้แม้ชาวที่ชอบกินอาหารแซ่บทั้งหลาย จะเป็นมือใหม่ด้านการทำอาหาร แต่วิธีทำส้มตำข้าวโพด ไม่ยากเลยอีกทั้งอุปกรณ์ที่ใช้ในการทำก็มีเพียงไม่กี่อย่างเท่านั้น เหล่าชาวคอนโดก็สามารถทำกินเองได้  อยากรู้ว่า วิธีทำส้มตำข้าวโพด จะมีอะไรบ้าง ไปดูรายละเอียดกันเลย

ขั้นตอนการเตรียมวัตถุดิบ

          -นำข้าวโพดมาต้มจนสุก (หรือใครที่ไม่สะดวกก็สามารถหาซื้อข้าวโพดต้มสุกแล้วตามร้านค้าตลาดได้เลย) จากนั้นฝานข้าวโพดด้วยมีดให้เป็นชิ้น

            -นำพริกขี้หนูและกระเทียมมาโขลกให้แหลก

          -นำแครอทมาขูดหรือสับเป็นเส้น แล้วไปแช่น้ำแข็งไว้เพื่อให้เส้นกรอบอร่อย

            -หั่นถั่วฝักยาวให้เป็นท่อนพอดี หั่นมะเขือเทศครึ่งซีก

ขั้นตอนการประกอบอาหาร

            -นำพริกขี้หนูกับกระเทียมละเอียดแล้วมาตำ ปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊ป น้ำปลา มะนาว ให้เข้ากันจนน้ำตาลปี๊ปละลาย ชิมรสชาติแล้วปรุงเพิ่มตามความชอบได้เลย

             -นำกุ้งแห้ง ข้าวโพด ถั่วฝักยาว แครอท และมะเขือเทศมาโขลกกับน้ำส้มตำที่ปรุงไว้

            – เมื่อคลุกเคล้าจนเข้ากันแล้ว นำใส่จานเป็นอันสำเร็จ

ส้มตำข้าวโพดแม้จะเป็นอาหารที่ทั้งอร่อยและแซ่บ แต่ประโยชน์ที่เราจะได้จากข้าวโพดก็มีมากเช่นกัน ไม่ว่าจะอุดมด้วยสารอาหารมากมาย ช่วยทำให้ระบบขับถ่ายดีขึ้น มีสารต้านมะเร็ง เป็นต้น  ประโยชน์มากมายขนาดนี้ เมนูนี้จึงเป็น ส้มตำข้าวโพดเมนูเพื่อสุขภาพ ที่ดีต่อร่างกาย  เพื่อนๆคนไหนที่ยังไม่เคยกิน ก็ลองไปทำตามกันได้เลยไม่ผิดหวังแน่นอน