Categories
อาหารคาว

แกงเทโพ

แกงเทโพ

แกงเทโพ เป็นอาหารที่มีประวัติความเป็นมาอย่างยาวนาน ความอร่อยของแกงเผ็ดชนิดนี้ถึงขนาดทำให้ ร.2 พระราชนิพนธ์ถึง แกงเทโพเป็นอาหารของภาคกลาง แต่เดิมจะใช้ ปลาเทโพ ตามชื่ออาหารเป็นส่วนประกอบหลัก แต่ในยุคปัจจุบันถูกเปลี่ยนแปลงปรับปรุงไปตามความชอบและการประยุกต์ตามสมัยนิยมมากขึ้น มีการใช้เนื้อสัตว์ชนิดอื่นไม่ว่าจะ หมู ไก่ หรือ ปลาชนิดอื่นมาทำแกงเทโพ

แกงเทโพ

แกงเทโพ เป็นแกงเผ็ดชนิดหนึ่งที่ใช้กะทิ ผักบุ้ง และ เนื้อสัตว์ เป็นส่วนประกอบหลัก แกงเทโพเป็นแกงกะทิรสเข้มข้น รสชาติเปรี้ยวนิด เค็มนำ หวานเล็กน้อย เรามาดูส่วนผสมและวิธีทำแกงเทโพกันดีกว่า


ส่วนผสม


– มะพร้าวขูด 500 กรัม นำมาคั้นเอาหัวกะทิ 1 ถ้วย และ น้ำกะทิ 3 ½ ถ้วย หรือถ้ามีหัวกะทิสำเร็จรูปก็สามารถใช้ได้เช่นกัน
– ผักบุ้ง 1 กำ หรือถ้าชอบผักเยอะผักน้อย สามารถใส่ตามใจชอบได้
– เนื้อสัตว์ อาจเป็น เนื้อหมู เนื้อปลา หรืออื่นๆตามแต่ต้องการ ใส่ตามประมาณที่ต้องการไม่มากไม่น้อยเกินไป
– น้ำมะขามเปียก 4 – 5 ช้อนโต๊ะ
– น้ำตาลปี๊บ ½ ช้อนโต๊ะ
– น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ โดยประมาณ


พริกแกงเทโพ ถ้าทำเครื่องแกงเทโพเองต้องใช้วัตถุดิบ ดังนี้


พริกแห้ง 10 เม็ด
ข่า 3 แว่น
ตะไคร้หั่นฝอย 2 ต้น
ผิวมะกูด 1 ช้อนชา
พริกไทยเม็ด 10 เม็ด
หอมแดง 3 หัว
กระเทียม 5 กลีบ
รากผักชีหั่น 3 ต้น
กะปิ 1 ช้อนโต๊ะ
เกลือเม็ดเล็กน้อย



วิธีทำแกงเทโพ และ ส่วนผสมเครื่องแกงเทโพ


1. ถ้าไม่มีพริกแกงเทโพสำเร็จรูปให้เริ่มทำพริกแกงก่อน นำพริกแห้งมาแช่น้ำให้นุ่ม แล้วนำไปโขกกับเกลือเม็ดพอแหลก
2. ตามด้วย ข่า ผิวมะกรูด รากผักชี และ พริกไทยเม็ดลงไป นำทุกอย่างมารวมกันแล้วโขลกให้ละเอียด แล้วใส่หอมแดง กระเทียม และ กะปิ โขลกส่วนผมทั้งหมดให้ละเอียดอีกครั้ง เช็คดูว่าส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันดีรึยัง
3. หลังจากนั้นนำเนื้อสัตว์ตามต้องการมาหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ แล้วนำลูกมะกรูดมาผ่าครึ่งเอาเมล็ดออก ส่วนใบมะกรูดให้เลือกใช้ใบแก่จะได้มีกลิ่นหอม นำไปล้างน้ำแล้วฉีกเป็นชิ้น ๆ เตรียมไว้
4. นำมะขามเปียกแช่น้ำ แล้วนำมาคั้นให้ได้น้ำมะขามเปียกประมาณครึ่งถ้วย
5. เลือกผักบุ้งยอดอ่อนมาตัดส่วนโคนออก ล้างน้ำให้สะอาด คัดใบเสียออกให้หมด จากนั้นหั่นเป็นท่อน แช่น้ำเตรียมไว้
6. ตั้งกระทะใช้ไฟกลาง เทหัวกะทิเทลงไปในกระทะครึ่งหนึ่ง รอให้กะทิเดือดและแตกมัน มั่นคนเป็นระยะ ๆ ไม่ให้กะทินั้นจับตัวเป็นก้อน
7. หลังจากกะทิแตกมันดีแล้ว ใส่พริกแกงที่เตรียมไว้ลงไปประมาณ 1 ขีด ยีพริกแกงให้เข้ากับกะทิแล้วผัดไปเรื่อย ๆ ถ้าแห้งให้เติมน้ำหางกะทิลงไปเพิ่ม ทำแบบนี้จนเริ่มส่งกลิ่นหอม และแตกมันสวยงาม
8. จากนั้นใส่เนื้อสัตว์ตามต้องการลงไป ผัดให้เข้ากันกับพริกแกง พอเนื้อสัตว์เริ่มสุก ค่อย ๆ เทหางกะทิที่เหลือลงไป
9. จากนั้นเร่งไฟให้แรงขึ้น ปรุงรสโดยใส่น้ำตาลปี๊บ น้ำมะขามเปียก เกลือป่น และ น้ำปลา 2 ช้อน ชิมดูว่าได้รสเปรี้ยวเค็มหวานที่ลงตัวรึยัง
10. พอน้ำแกงเดือดเต็มที่ นำผักบุ้ง และ มะกรูดที่เตรียมไว้ใส่ลงไป ใช้ตะหลิวกดให้ผักบุ้งจมน้ำแกง ทำแบบนี้จนผักบุ้งสุกดี หลังจากนั้นใส่ใบมะกรูดลงไป ราดด้วยหัวกระทิที่เหลือ ½ ถ้วย คนให้เข้ากัน รอให้เดือดอีกครั้งแล้วปิดไฟ พร้อมทานแกงเทโพแสนอร่อยที่ทำขึ้นเองได้เลย


ตามที่กล่าวมานั้นเรียกได้ว่าเป็นสูตรแกงเทโพโบราณเลยก็ว่าได้ นอกจากแกงเทโพโบราณ ที่ใช้ปลาเทโพมาเป็นวัตถุดิบหลักแล้ว นอกเหนือจากนั้นก็ยังมีแกงเทโพที่ใช้เนื้อหมู หรือ หมูสามชั้นที่ต้มจนได้ที่ แต่ที่เด็ดและน่าสนใจไม่แพ้แกงเทโพดั้งเดิมเลยก็คือ แกงเทโพปลาเค็ม และ แกงเทโพปลาโอ มาว่ากันที่แกงเทโพปลาเค็มกันก่อน ทำทุกอย่างเหมือนแกงเทโพต้นตำหรับ เพียงแต่นำปลาเค็มไปสับเป็นชิ้นและแช่น้ำเกลือไว้เพื่อลดความเค็มลง ส่วน แกงเทโพปลาโอนั้นนำปลาโอไปย่างเพื่อให้ได้กลิ่นหอมของเนื้อปลา หรือถ้าคนไม่ชอบปลาย่าง จะนำไปต้มหรือทอดก็ได้ตามสะดวกไม่มีถูกไม่มีผิด มีแต่การเรียนรู้ในห้องครัว และความอร่อยบนโต๊ะอาหาร ขอให้ทุกคนอร่อยกับมื้ออาหารวันนี้

Categories
อาหารคาว

กุ้งผัดผงกะหรี่

สูตรเด็ดเมนู กุ้งผัดผงกะหรี่ อร่อยหอมเครื่องเทศจนน้ำลายไหล

กุ้งผัดผงกะหรี่

แกงกะหรี่เป็นอาหารขึ้นชื่อที่ถือกำเนิดจากประเทศอินเดียและกลายเป็นอาหารยอดนิยมที่แพร่หลายไปทั่วโลก ในแต่ละประเทศ แกงกะหรี่ ก็จะแตกต่างกันออกไปทั้ง ผัดผงกะหรี่ไทย แกงกะหรี่ญี่ปุ่น กะหรี่จีน กะหรี่เวียดนาม กะหรี่ฝรั่งเศส กะหรี่อินเดียที่เป็นของแท้ดั้งเดิม มีทั้งแบบน้ำ แกงเผ็ดประเภทน้ำข้น และ แบบแห้ง แต่ละประเภทก็จะมีชื่อเรียกแตกต่างกันไป


และเมนูที่เราอยากจะมาแนะนำวันนี้ก็คือ กุ้งผัดผงกะหรี่ ผัดผงกะหรี่แบบไทย ๆ ที่ถูกประยุกต์นิดหน่อยจนได้สูตรเด็ดที่ต้องบอกเลยว่าทำเอาติดอกติดใจไปกันตาม ๆ กัน วิธีทำก็ไม่ยุ่งยากอะไรเลย เป็นอีกหนึ่งทางเลือกของเมนูกุ้งที่เอาไว้ไปทำกินกันที่บ้านได้สบายมาก


ส่วนผสม กุ้งผัดผงกะหรี่


– กุ้ง 300-500 กรัม ตามความต้องการ
– น้ำพริกเผา 2-3 ช้อนโต๊ะ (สูตรเด็ดต้องลอง)
– นมข้นจืด 1 กระป๋อง
– น้ำมันหอย 2 ช้อนโต๊ะ
– ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
– น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
– ไข่ 3 ฟอง
– น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
– กระเทียมสับ 2 ช้อนโต๊ะ
– หอมหัวใหญ่ 1 หัว
– ผงกะหรี่ 2-3 ช้อนโต๊ะ
– น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
– ขึ้นฉ่าย 2 ถ้วย
– พริกชี้ฟ้าแดง 2 ช้อนโต๊ะ
– ต้นหอม 3 ตัน


วิธีทำ กุ้งผัดผงกะหรี่


– เริ่มจากการนนำถ้วยหรือชามมาใส่ น้ำพริก ผงกะหรี่ และ นมสด คนให้เข้ากัน
– จากนั้นปรุงรสด้วย น้ำมันหอย ซีอิ๊วขาว และ น้ำตาล คนให้เข้ากันอีกรอบ
– นำไข่ที่เตรียมไว้ 3 ฟองมาตีจนเข้ากัน แล้วเทลงไปในน้ำกะหรี่ปรุงรสที่เตรียมไว้ คนให้ไข่และน้ำกะหรี่ปรุงรสเข้ากันอย่างดี
– ตั้งกระทะ ใช้ไฟกลาง เติมน้ำมันเล็กน้อย ใส่กระเทียมลงไปเจียวให้ส่งกลิ่นหอม ตามด้วยหอมใหญ่ ผงกะหรี่ ผัดให้เข้ากันพอให้หอมใหญ่สุกและส่งกลิ่นหอม
– ใส่เนื้อกุ้งที่เตรียมไว้มาลงผัด พอกุ้งเริ่มมีสีแดงนิดหน่อย ให้ใส่ส่วนผสมน้ำกะหรี่ปรุงรสที่เตรียมไว้ตอนแรกผัดให้เข้ากัน ชิมรสชาติ ถ้ายังไม่พอใจ เติมเครื่องปรุงในสิ่งที่ขาดไปได้
– พอรสชาติได้ที่แล้ว คราวนี้ใส่ผักขึ้นฉ่ายหั่นท่อนลงไป ตามด้วย พริกชี้ฟ้าแดง และ ต้นหอมหั่นท่อน ผัดให้เข้ากันจนผักสุก ใครชอบผักเยอะผักน้อยก็เลือกใส่ตามใจชอบได้เลย เสร็จพร้อมทานได้แล้ว

หมึกผัดผงกะหรี่

ถ้าหากคุณอยากจะเปลี่ยนจากกุ้งอย่างเดียวเป็น ผัดผงกะหรี่ทะเล ก็สามารถเลือกเติมอาหารทะเลอื่น ๆ เช่น หอย ปลาหมึก ปู ปลา ลงไปได้ เราอยากแนะนำเคล็ดลับความหอมอร่อยด้วยการ นำ ปลา ไปย่างให้ได้ที่จนส่งกลิ่นหอมแล้วค่อยนำมาผัด หรือจะนำปลาไปทอดจนหอมกรอบอร่อยก่อนมาทำผัดผงกะหรี่ก็ได้ ก็จะทำให้ได้รส ผัดผงกะหรี่ทะเล ที่ส่งกลิ่นหอมของการทอดปลาหรือย่างปลานั่นเอง หรือจะเป็น ผัดผงกะหรี่ปลาเดี่ยว ๆ ก็บอกเลยว่าแซ่บมากกกกก ต้องลอง!

Categories
ขนมหวาน

ขนมทองหยอด

จึ้งมาก! ขนมทองหยอด สูตรชาววัง ทำง่ายๆ ไม่กี่ขั้นตอน


พอได้ทำงานจากที่บ้านนานหลายเดือน มีเวลาเยอะขึ้นจนได้ฝึกปรือการทำอาหารคาวกินเองมานาน จนตอนนี้บอกได้เลยว่าพร้อมลงประกวดมาสเตอร์เชฟซีซันหน้าแล้วล่ะ แต่แค่อาหารคาวอย่างเดียวดูจะไม่ครบรส ต้องมีเมนูขนมหวานมาเพิ่มสีสัน เพิ่มสกิลการเข้าครัวของเราให้เป็นระดับเทพ จัดมาเลยวันนี้กับเมนู ขนมทองหยอด แค่ฟังต้องขนลุกซู่ เพราะขนมจากในวังเมนูนี้ ต้องใช้ความบรรจง ละเอียดอ่อนพอสมควร ทว่าใจสู้ซะอย่าง แค่นี้จิ๊บ ๆ หมู ๆ ต่อให้ใช้งานฝีมือขนาดไหน ขนมหวานอร่อยเมนูนี้ปล่อยให้พลาดไปบ่าได้เลยยย


ส่องวิธีทำอย่างละเอียดขนมทองหยอด รสชาติในวังขนานแท้

ขนมทองหยอด

ส่วนผสมขนมทองหยอด


1. ไข่เป็ด 10 ฟอง
2. แป้งทองหยอด 1/4 ถ้วยตวง
3. น้ำตาลทราย 7 ถ้วยตวง
4. น้ำลอยดอกมะลิ 10 ถ้วยตวง

ขนมทองหยอด

วิธีทำทองหยอด


1. ทำการแยกไข่แดงออกจากไข่ขาว โดยนำไข่แดงแยกไว้ในผ้าขาวบาง
2. จากนั้นทำการกรองไข่แดงด้วยผ้าขาวบาง คั้นจนได้ไข่แดงที่เนียนสวย
3. นำไข่แดงที่ได้ตีด้วยตะกร้อหรือเครื่องตีให้ขึ้นฟู แล้วจึงเทแป้งตามลงไป ใช้ไม้พายคนให้เข้ากันอีกรอบ

ขนมทองหยอด

วิธียอดทองหยอด


1. ตั้งหม้อด้วยไฟแรง พร้อมใส่น้ำลอยดอกมะลิลงไป รอจนน้ำเดือด ตามด้วยน้ำตาลทราย เคี่ยวต่อเรื่อย ๆ ประมาณ 10 นาที หรือจนน้ำตาลละลาย ให้ตักออกมาส่วนหนึ่งเพื่อทำการใช้แช่ทองหยอดหลังจากการทอด
2. เริ่มทำการทอดทองหยอด โดยการใช้ปลายช้อนตักทองหยอดขึ้นมา แล้วใช้นิ้วโป้งดันทองหยอดลงไปในน้ำเชื่อมที่กำลังเดือด ประมาณ 2 นาที ให้เหยาะน้ำเปล่าลงไปเล็กน้อย และเบาไฟ เพื่อทำการเช็คว่าตัวทองหยอดสุกหรือยัง หากมีสีเหลืองเข้มแสดงว่าสุกแล้วให้ตักใส่ในน้ำเชื่อมที่เตรียมไว้ แช่ไว้ประมาณ 2-3 นาที เพื่อให้ทองหยอดอิ่มน้ำเชื่อม เป็นอันเสร็จ จัดใส่จานพร้อมหม่ำ ๆ ได้เลย


และนี่ก็เป็นวิธีทำทองหยอดง่ายๆ แต่ไม่ว่าจะเป็นในแบบฉบับของสูตรทองหยอดชาววัง หรือสูตรอื่น หลัก ๆ ทั้งส่วนผสมและวิธีทำจะเหมือนกับข้างต้น แสดงให้เห็นเลยว่าขนมไทยเมนูนี้ง่ายกว่าที่คิดไปอีก

ขนมทองหยอด

ใครที่ไม่เคยทำเมนูนี้ คงจะต้องงงวยกันแน่ว่าแป้งทองหยอด ทำมาจากอะไร ซึ่งเราก็มีคำตอบมาให้เพื่อน ๆ ว่าแป้งทองหยอดนั้น จริง ๆ แล้วก็คือ แป้งข้าวเจ้า แต่ได้ผ่านการอบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งแป้งทองหยอด คุณสมบัติของแป้งจะช่วยให้ตัวทองหยอดอ่อนนุ่ม ละมุน ดูมีความฉ่ำ ๆ สามารถหาซื้อได้ที่ตามร้านขายวัตถุดิบทำขนม หรือผ่านทางออนไลน์


วิธีทำขนมไทยอย่าง ขนมทองหยอด ไม่ได้ยุ่งยากเลยสักนิด และประโยชน์ของทองหยอดเรื่องสารอาหารก็ดีงาม เพราะวัตถุดิบหลักที่ทำจากไข่แดง มีส่วนช่วยในการบำรุงสมอง และไข่ยังช่วยในการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอในร่างกายอีกด้วย เอาตรง ๆ ตอนนี้อดใจไม่ไหวแล้ว ขอแว็บไปทำขนมไทยเมนูนี้ก่อนล่ะ บ๊ายยย…