Categories
อาหารคาว

เมนูอร่อย กระหล่ำปลีผัดน้ำปลา รสชาติถูกใจ ใครทานก็ชอบ

กระหล่ำปลีผัดน้ำปลา

มาเข้าครัวกันค่ะ วันนี้จะพามาทำเมนูเพื่อสุขภาพกับเมนูผักสำหรับคนรักสุขภาพมาทางนี้เลยค่ะ อร่อยจนต้องบอกต่อ เป็นเมนูที่ร้านอาหาร และร้านอาหารตามสั่งต้องมีเมนูนี้เลยทีเดียว นั้นก็คือเมนู กระหล่ำปลีผัดน้ำปลา ทุกคนสามารถเพิ่มเนื้อสัตว์ไปในเมนูนี้ได้นะคะเพิ่มความอร่อยและคุณค่าทางโภชนาการ เช่น หมูกรอบ กุ้ง จะฟินมากเวอร์ อาหารจานนี้บอกเลยว่าต้นทุนต่ำ ทำไม่ยาก วัตถุดิบไม่เยอะ พอพูดแล้วก็อยากลองทำเลยใช่ไหมละคะ วันนี้เราจะพาไปทำเมนูกระหล่ำปลีผัดน้ำปลาใส่หมูกรอบ เราได้ร่วมรวมวิธีการผัดและวิธีการทำหมูกรอบมาให้แล้วรับรองสูตรนี้บอกเลยไม่ยาก ทำตามได้ง่ายๆ

วัตถุดิบและขั้นตอนการทำ กระหล่ำปลีผัดน้ำปลา

มาดูวิธีการทำหมูกรอบกันค่ะ แล้วเราจะพาทุกคนไปดูขั้นตอนวิธีการผัดกระหล่ำปลีผัดน้ำปลา

วัตถุดิบการทำหมูกรอบ (แบบทอดไร้น้ำมัน)

1.หมูสามชั้น 1 ชิ้น

2.เกลือ

3.น้ำเปล่า

4.หม้อทอดแบบไร้น้ำมัน

ขั้นตอนการทำหมูกรอบ (แบบทอดไร้น้ำมัน)

1.นำหมูสามชั้นมาล้างน้ำสะอาด จากนั้นนำหม้อต้มมาใส่น้ำเปล่าและเกลือเปิดไฟต้มจนน้ำเดือด พอน้ำเดือดได้ที่แล้วให้นำหมูสามชั้นที่ล้างไว้ใส่ลงไปต้มแล้วปิดไฟหม้อ ต้ม15-20นาที จนหมูสุกได้ที่ เสร็จแล้วปิดแก๊สเปิดฝาหม้อทิ้งไว้

2.นำหมูสามารถออกจากหม้อต้มใส่กระชอน ให้น้ำแห้งและหายร้อน วางพักทิ้งไว้

3.เมื่อหมูสามชั้นแห้งแล้ว ให้นำหมูสามชั้นใส่ในหม้อทอดไร้น้ำมัน ตั้งเวลา20-30 นาที จากนั้นเปิดหม้อทอดแล้วผลิกฝั่งหมูสามชั้นแล้วปิด ทอดต่ออีก20-30นาที ขึ้นอยู่ที่ความร้อนของหม้อแต่ละขึ้น ทอดจนหมูสามชั้นเหลืองกรอบได้ที่

4.เสร็จแล้วนำหมูสามชั้นออกมาพักทิ้งไว้ให้เสด็จน้ำมัน พอหายร้อนแล้วให้นำหมูกรอบมาหั่นเป็นแว่นๆหนาบางตามชอบได้เลยค่ะ เพื่อเตรียมไว้ผัด

กระหล่ำปลีผัดน้ำปลา

วัตถุดิบการทำกระหล่ำปลีผัดน้ำปลา

1.กระหล่ำปลี

2.หมูกรอบ

3.น้ำปลา

4.กระเทียม

5.น้ำมันพืช

ขั้นตอนการทำกระหล่ำปลีผัดน้ำปลา

1.นำกระหล่ำปลีมาล้างน้ำ จากนั้นหั่นเป็นแว่นๆ แล้วใส่น้ำเกลือแช่ทิ้งไว้สัก 5 นาที จากนั้นนำมาล้างน้ำสะอาดสัก1-2 รอบเพื่อล้างให้สะอาดอีกครั้ง

2.ปลอกกระเทียมแล้วปั่นไม่ต้องละเอียดมาก ใครไม่มีเครื่องปั่นสามารถสับเล็กๆได้เลยค่ะ

3.ตั้งไฟตั้งกระทะ เทน้ำมันพืชลงไปเล็กน้อย ตามด้วยใส่กระเทียม ผัดพอหอมกระเทียมเริ่มเหลืองใส่หมูกรอบลงไปผัด ตามด้วยกระหล่ำปลี เสร็จแล้วตามด้วยน้ำปลาลงไปและผงปรุงรส ผัดจนกระหล่ำปลีหดลงเล็กน้อย แล้วปิดไฟตักใส่จานพร้อมเสิร์ฟค่ะ เพียงเท่านี้ก็ได้เมนูกระหล่ำปลีผัดน้ำปลาง่ายๆแถมอร่อยให้ได้ลิ้มรสกันแล้วค่ะ

บทสรุป

เป็นยังไงกันบ้างคะกับเมนูกระหล่ำปลีผัดน้ำปลา ใครที่ชอบเข้าครัวหรือกำลังหาเมนูใหม่ๆเสิร์ฟบนโต๊ะอาหารลองทำตามดูนะคะ สูตรหมูกรอบไร้น้ำมัน และสูตรการผัด ที่ไม่ยุ่งยากทำตามได้เลยนะคะ อร่อยแบบวัตถุดิบไม่เยอะและใช้เวลาไม่นาน

Categories
อาหารคาว

เมี่ยงคำ

เมี่ยงคำอาหารว่างทำทานเพลิน ๆ และทำไม่ยากอย่างที่คุณคิด

เมี่ยงคำ

เมี่ยงคำ จัดว่าเป็นอาหารไทยโบราณ และนิยมทำทานเป็นของว่าง หรืออาหารเรียกน้ำย่อย ซึ่งปัจจุบันเมี่ยงคำค่อนข้างที่จะหาซื้อได้ง่าย และแต่ละร้านก็มักจะมีสูตร หรือเคล็ดลับความอร่อยที่แตกต่างกันออกไป เช่นบางร้านอาจจะใช้กลีบดอกบัว แทนใบชะพลู หรือบางร้านอาจจะทำขายเป็นคำ ๆ เพื่อความสะดวกในการรับประทาน แต่เอกลักษณ์ที่โดดเด่นของเมี่ยงคำที่ทุกร้านต้องมีเหมือนกันนั่นก็คือรสชาติ เปรี้ยว หวาน มัน เค็ม ในคำเดียว ทำให้เกิดความกลมกล่อมเมื่อทานเข้าไป

เมี่ยงคำ

จัดเตรียมส่วนผสม เมี่ยงคำ อร่อยได้ง่าย ๆ เพียงไม่วัตถุดิบไม่กี่ชนิด

สำหรับใครที่กำลังตามหา สูตรเมี่ยงคำ หรือสำหรับคนที่อยากทราบว่า เมี่ยงคํามีอะไรบ้าง วันนี้เราได้นำสูตรการทำน้ำเมี่ยงคำ และเครื่องเมี่ยงคำเพื่อให้ทุกคนที่อยากทาน เมี่ยงคำสด ไปลองทำทานกันค่ะ

ส่วนผสมน้ำเมี่ยงคำ

  1. ข่าสับละเอียด  1 ช้อนโต๊ะ  
  2. ตะไคร้หั่นฝอย  1 ช้อนโต๊ะ
  3. หอมแดงซอย  4 ช้อนโต๊ะ
  4. กะปิเผา 2 ช้อนชา     
  5. น้ำตาลปี๊บ 1 ถ้วย 
  6. น้ำปลา 1 ถ้วย
  7. กุ้งแห้งโขลกละเอียด ครึ่งถ้วยตวง
  8. มะพร้าวคั่ว ครึ่งถ้วยตวง
เมี่ยงคำ

เครื่องเมี่ยงคำ

  1. มะพร้าวคั่ว
  2. กุ้งแห้ง (ชนิดจืด)
  3. ถั่วลิสงคั่ว
  4. หอมแดงหั่นเต๋า
  5. ขิงหั่นเต๋า (ขิงเมี่ยงคำ ควรเป็นขิงอ่อน)
  6. มะนาวหั่นเต๋า
  7. พริกซอย
  8. ใบชะพลู, ใบทองหลาง, กลีบดอกบัว

วิธีทำน้ำเมี่ยงคำ ทำไม่ยาก แต่ต้องระวังไม่ให้ไฟแรงเกินไป

เมื่อเห็นส่วนผสมและเครื่องของเมี่ยงคำ หลายคนอาจจะสงสัยว่า เมี่ยงคํา ใช้ใบอะไร ซึ่งเราได้แนะนำไป 3 ชนิด ได้แก่ ใบชะพลู, ใบทองหลาง และกลีบดอกบัว ซึ่งเป็นที่นิยมในการกินเมี่ยง แต่ก็มีผัก หรือใบไม้ชนิดอื่น ๆ ที่สามารถนำมาทำเป็นเมี่ยงคำได้เช่นกัน

ต่อมาในส่วนของวิธีทำน้ำเมี่ยงคำ กันแล้วค่ะ ซึ่งน้ำเมี่ยงคำนั้นนับว่าเป็นองค์ประกอบสำคัญของเมี่ยงคำที่จะทำให้เมี่ยงของคุณออกมารสชาติดี เหมือนกับ เมี่ยงคำเจ้าอร่อย เจ้าดังที่ทำขายกันเลยทีเดียว โดยการทำน้ำเมี่ยงคำนั้นมีข้อควรระวังคือการควบคุมไฟ เพื่อให้น้ำเมี่ยงคำของคุณนั้นไม่ไหม้

วิธีทำน้ำเมี่ยงคำ

  1. โขลกข่า ตะไคร้ และกะปิเผาให้ละเอียดเป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นตั้งหม้อใช้ไฟกลาง ค่อนไปทางเบา เทน้ำปลาลงไปเคี่ยวกับน้ำตาลปี๊บ
  2. คนไปเรื่อย ๆ เมื่อน้ำตาลละลายดีแล้วให้เติมเครื่องที่โขลกลงไป คนให้เหนียวได้ที่แล้วยกลง จากนั้นใส่มะพร้าวคั่ว และกุ้งแห้งลงไป นำไปตั้งไฟอ่อนคนให้เข้ากันแล้วยกลงเตรียมเสิร์ฟได้

          เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับสูตร เมี่ยงคำ ที่เรานำมาฝากในวันนี้ จะเห็นได้ว่าขั้นตอนการทำเมี่ยงคำไม่ได้ซับซ้อนอย่างที่หลาย ๆ คนคิดเลยใช่ไหมคะ ซึ่งเมนูนี้เป็นเมนูที่ต้องเตรียมเครื่องเคียงหลายชนิด จึงอาจจะทำให้หลายคนมองว่าเมนูนี้ซับซ้อน หรือยุ่งยากจนเกินไป แต่หากเตรียมเครื่องเคียงต่าง ๆ เรียบร้อยแล้วก็นับว่าเมนูนี้เสร็จไปเกินกว่าครึ่งแล้วค่ะ

Categories
อาหารคาว

แกงโฮะ

แกงโฮะ

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ชื่นชอบการรับประทานอาหารเหนือ หรือเคยไปทานข้าวในร้านอาหารเหนือ เมนูหนึ่งที่เราเชื่อว่าหลาย ๆ ต้องมีนั้นคือ แกงโฮะ เนื่องจากอาหารชนิดนี้เป็นอาหารขึ้นชื่อของภาคเหนืออีกหนึ่งชนิด อีกทั้งยังมีรสชาติที่กลมก่อน มีทั้งเผ็ด เค็ม หวาน และมัน ที่สำคัญยังอัดแน่นไปด้วยคุณประโยชน์ที่ได้จากผักและเนื้อสัตว์ และสมุนไพรต่าง ๆ ที่อยู่ในแกงอีกด้วย

แกงโฮะ

เผยวัตถุดิบ และขั้นตอนการทำ แกงโฮะ แบบง่าย ๆ ทำได้ในไม่กี่ขั้นตอน

แกงโฮะเป็นเมนูอาหารเหนือที่มีประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง และอีกสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจคือเรื่องรสชาติ เนื่องจาก แกงโฮะโบราณ เป็นอาหารที่เกิดจากการเอาอาหารหลาย ๆ ชนิดมารวมกัน และปรุงขึ้นใหม่ ดังนั้นการที่จะครีเอทให้รสชาติของอาหารออกมาได้ดีนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ในปัจจุบันการทำแกงโฮะจะเป็นการประกอบอาหารขึ้นมาใหม่ หรือจะทำ แกงโฮะจากแกงฮังเล ก็ได้เช่นกัน ดังนั้นวันนี้เราจึงจะมาแนะนำวิธีการทำแกงโฮะแบบง่าย ๆ ให้ทุกคนได้ลองไปทำตามกันดู

แกงโฮะ

วัตถุดิบ

  1. แกงฮังเลหมู
  2. วุ้นเส้น 
  3. หน่อไม้ดอง
  4. ถั่วฝักยาว        
  5. มะเขือพวง       
  6. มะเขือเปราะ    
  7. พริกขี้หนู        
  8. ตะไคร้
  9. ใบมะกรูด        
  10. ต้นหอม
  11. น้ำมันพืช        
  12. ผงฮังเล
  13. ชะอม
  14. น้ำเปล่า

วิธีทําแกงโฮะ จากแกงฮังเล

การทำแกงโฮะโดยเอาแกงฮังเลมาเป็นวัตถุดิบ หรือเครื่องปรุงอีกอย่างหนึ่งนั้นที่สามารถใช้มาเป็นเบสของแกงโฮะ เนื่องจากวิธีนี้จะทำให้แกงโฮะของคุณเข้มข้นขึ้นนั่นเอง โดยขั้นตอนการทำแกงโฮะมีดังนี้

  1. ตั้งกระทะและใส่นำมันลงไป จากนั้นใส่ตะไคร้ และใบมะกรูดฉีกหยาบ ๆ ลงไปผัดให้หอมตามด้วยหน่อไม้ดอก และใส่ผงแกงโฮะประมาณ 2 – 3 ช้อนชาลงไป ผัดต่อไปเรื่อย
  2. เมื่อทุกอย่างเข้ากันดีให้ใส่แกงฮังเลหมูลงไปผัด ตามด้วยน้ำเปล่าเล็กน้อย เพื่อไม่ให้แกงหนืดเกินไป ตามด้วยมะเขือเปราะที่หั่นพอดีคำ มะเขือพวง และถั่วฝักยาว

เมื่อทุกอย่างเริ่มสุกให้ชิมรส ซึ่งเราสามารถเติมน้ำปลา หรือน้ำตาลลงไปได้หากยังไม่ได้รสชาติที่เราต้องการ จากนั้นให้ใส่วุ้นเส้น ตามด้วยต้นหอม ชะอม และพริกขี้หนูลงไป เพียงเท่านี้ก็เป็นที่เรียบร้อย

แกงโฮะ

แกงโฮะเป็นอาหารมีวิธีทำที่หลากหลาย และไม่ตายตัว

แกงโฮะเป็นอาหารอีกชนิดหนึ่งที่มีวิธีการทำหรือวัตถุดิบที่หลากหลาย ลื่นไหลได้ เช่นขั้นตอนการทำที่เรานำมาฝากคือวิธีทำ คั่วโฮะ ที่นำแกงฮังเลมาช่วยเสริมรสชาติให้เข้มข้นขึ้น อีกทั้งยังลดขั้นตอนในการทำ เนื่องจากเราไม่จำเป็นต้องตำเครื่องแกง และเป็นการลดปริมาณการซื้อวัตถุดิบอีกด้วย เนื่องจากการทำ แกงโฮะ ไม่มีแกงฮังเล คุณจะต้องซื้อวัตถุดิบในการทำเครื่องแกง และวัตถุดิบอื่น ๆ เพิ่มขึ้น และเนื่องจาก แกงโฮะอาหารเหนือ และหาทานได้ในหลาย ๆ จังหวัดของภาคเหนือ ดังนั้น แกงโฮะเชียงราย หรือ แกงโฮะแพร่ ก็อาจจะมีสูตร หรือวัตถุดิบหลักที่แตกต่างกันออกไปนั่นเอง

ก่อนจะจากกันไปในวันนี้ เราอยากเน้นย้ำในเรื่องของวัตถุดิบประเภทผักที่สามารถนำมาใส่ในแกงโฮะ นั้น เราต้องขอบอกว่าในส่วนนี้เป็นสิ่งที่ไม่ตายตัว ซึ่งคุณสามารถใส่ผักได้แทบทุกชนิดที่คุณชื่นชอบ และต้องการทาน ไม่ว่าจะเป็นผักกาดขาว หรือผักกะหล่ำ เป็นต้น ดังนั้นเมนูนี้จึงเป็นอีกหนึ่งเมนูที่คุณสามารถครีเอทได้อย่างเต็มที่เลยค่ะ

Categories
อาหารคาว

แกงป่า

แกงป่า

สำหรับใครที่กำลังตามหาเมนูอาหารไทย ที่สามารถทำได้ง่าย ๆ มีขั้นตอนไม่ซับซ้อน และใช้เครื่องปรุงรสน้อย แกงป่า นับว่าเป็นอีกเมนูหนึ่งที่คุณไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากแกงป่านับว่าเป็นเมนูอาหารพื้นบ้านไทย ที่มีขั้นตอนในการทำที่ไม่ซับซ้อน ใช้เครื่องปรุงน้อยชนิด อีกทั้งยังมีรสชาติที่เผ็ดร้อนแต่ตามมาด้วยความกลมกล่อม ซึ่งใครที่อยากได้เมนูอาหารไทยพื้นบ้านที่มีรสชาติจัดจ้าน แกงป่านับว่าเป็นเมนูหนึ่งที่คุณไม่ควรพลาด

แกงป่า

วัตถุดิบ และวิธีขั้นตอนในการทำ แกงป่า ทำง่าย ๆ เพียงไม่กี่ขั้นตอน

อย่างที่เราได้เกริ่นไปก่อนหน้านี้แล้วว่าแกงป่า เป็นอาหารที่มีขั้นตอนในการทำที่ไม่ซับซ้อน อีกทั้งยังมีรสชาติที่เผ็ดร้อน เหมาะกับการทานกับข้าวสวยร้อน ๆ หรือเป็นกับแกล้มก็ได้เช่นกัน ซึ่งสำหรับใครที่สงสัยว่า แกงป่าใส่อะไรบ้าง ดังนั้นวันนี้เราจะมาแนะนำวัตถุดิบ และวิธีการทำ แกงป่าสูตรโบราณ ให้ทุกคนได้ฟังกันค่ะ

วัตถุดิบ และเครื่องปรุง

  1. พริกขี้หนูแห้ง
  2. หอมแดง
  3. กระเทียม
  4. น้ำเปล่า
  5. มะเขือเปราะ
  6. มะเขือพวง
  7. ใบกะเพรา
  8. พริกชี้ฟ้าสดซอย
  9. น้ำปลา, น้ำเกลือปรุงรส
  10. น้ำมันพืช
  11. เนื้อสัตว์
แกงป่า

วิธีทำแกงป่า

  1. ตำพริกแกงโดยใส่พริกขี้หนูแห้ง หอมแดง และกระเทียม ให้พอหยาบ ไม่ให้ต้องละเอียดเป็นเนื้อเดียวกัน
  2. ตั้งกระทะหรือหม้อใส่น้ำมันพืชลงไปจากนั้นใส่พริกแกงลงไปผัดให้หอม จากนั้นเติมน้ำลงไป
  3. เร่งไฟแรง เมื่อน้ำเดือดให้ใส่เนื้อสัตว์ลงไป หรือจะทำเป็น แกงป่าผักรวม ก็ได้เช่นกัน รอจนเนื้อสัตว์ใกล้สุกให้ใส่เครื่องปรุงลงไป ซึ่งสามารถใช้เป็นน้ำปลา หรือน้ำเกลือปรุงรสก็ได้เช่นกัน

จากนั้นให้ใส่ผักชนิดต่าง ๆ ลงไป แล้วชิมรส ซึ่งเราสามารถเติมเครื่องปรุงอื่น ๆ ลงไปได้เช่นน้ำตาล หรือผงชูรสเป็นต้น เมื่อผักสุกดีให้ใส่ใบกะเพราลงไป เพียงเท่านี้ก็เป็นที่เรียบร้อย

วิธีทำแกงป่า

แม้จะเป็นอาหารพื้นบ้านแต่เต็มไปด้วยสรรพคุณที่ดี

หากพูดถึงเมนูอาหารไทย หรือเมนูอาหารพื้นบ้านไทย หลาย ๆ คนอาจจะยังไม่ทราบว่า อาหารหลาย ๆ เมนูมีประโยชน์ และสรรพคุณที่ดีต่อร่างกายของเราเป็นอย่างยิ่ง รวมไปถึงเมนูแกงป่า ที่เรานำมาฝากทุกคนในวันนี้ด้วย ที่ไม่ว่าจะเป็น แกงป่าหมูป่า, ผัดพริกแกงป่าไก่ หรือ แกงป่า กาญจนบุรี ซึ่งนับว่าเป็นอีกหนึ่งอาหารขึ้นชื่อ ต่างอัดแน่นไปด้วยคุณประโยชน์เนื่องจากมีเป็นเมนูที่มีทั้งผัก เนื้อสัตว์และไอโอดีน ซึ่งดีต่อร่างกาย แต่หากใครที่อยากใส่สมุนไพรอื่น ๆ เช่น ใบมะกรูด, กระชายขาว หรือพริกไทยสดก็สามารถใส่ได้เช่นกัน เพราะนอกจากสมุนไพรเหล่านี้จะช่วยเสริมในเรื่องรสชาติแล้ว ยังช่วยในเรื่องการบำรุงสุขภาพของผู้ทานอีกด้วย  และที่สำคัญใครที่เป็นหวัดคัดจมูก เมนูนี้นับว่าเป็นอีกหนึ่งเมนูที่เรอยากแนะนำเป็นอย่างยิ่ง

เป็นอย่างไรกันบ้าง กับข้อมูลดี ๆ เกี่ยวกับแกงป่า ที่เรานำมาฝากทุกคนในวันนี้ สุดท้ายก่อนจะจากกันไปในวันนี้เรามีเกร็ดความรู้เล็ก ๆ น้อย ๆ มาให้กับทุกคนว่า แกงป่าเป็นอาหารที่ไม่มีความตายตัวในเรื่องของวัตถุดิบ ทั้งในเรื่องของผัก หรือการปรุง ดังนั้นเราจึงสามารถใส่ผักทุกชนิดที่เราชื่นชอบหรือต้องการที่จะรับประทาน และรสชาติพื้นฐานของแกงป่าคือเผ็ด เค็ม และอาจจะมีหวานเล็กน้อยดังนั้นเราจะใส่น้ำตาลหรือไม่ก็ได้นั่นเองค่ะ

Categories
อาหารคาว

ส้มตำทอด

ส้มตำทอดกรอบนาน กรอบทน ไม่จับเป็นก้อน

ส้มตำทอด

ปฏิเสธไม่ได้จริง ๆ ว่าอาหารอีสานที่ขึ้นชื่ออย่างส้มตำ เป็นเมนูยอดนิยมตลอดกาลของบ้านเรา ไม่ว่าคนไทย หรือต่างชาติหากได้ลิ้มลองแล้วต้องบอกว่าแซ่บมาก อย่างไรก็ตามกาลเวลาเปลี่ยนไปทำให้เกิดการพัฒนาสูตรส้มตำธรรมดากลายเป็น ส้มตำทอด ที่ชูการใช้มะละกอวัตถุดิบหลักของเมนูนี้เป็นจุดเด่น โดย ทอดมะละกอให้กรอบ ในน้ำมันร้อน ๆ และตามด้วยการราดน้ำส้มตำลงไป ฟังดูแล้วเหมือนว่าจะมีขั้นตอนการทำที่ยุ่งยาก ทว่าหากรู้เทคนิคการทำว่า ส้มตำทอดใช้แป้งอะไร ถึงจะกรอบอร่อยล่ะก็ เมนูนี้จะง่ายขึ้นมาทันที

วัตถุดิบ ส้มตำทอด

  1. มะละกอขูดเส้น 300 กรัม
  2. น้ำมันพืชสำหรับทอด
  3. แป้งทอดกรอบ 150 กรัม
  4. น้ำเย็นจัด 200 มิลลิตร

วัตถุดิบน้ำส้มตำ

  1. ถั่วฝักยาว 2 เส้น
  2. ถั่วลิสง 20 กรัม
  3. กุ้งแห้ง 30 กรัม
  4. พริก 3 เม็ด (เพิ่มลดความเผ็ดได้ตามใจชอบ)
  5. กระเทียม 2 กลีบ
  6. มะเขือเทศหั่น 4-5 ลูก
  7. น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ
  8. มะนาว 3 ช้อนโต๊ะ
  9. น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำส้มตำทอด

  1. นำมะละกอมาสับ หรือขูดให้เป็นเส้น ๆ สำหรับ วิธีทอดมะละกอให้กรอบ นาน จะต้องค่อย ๆ เทน้ำเย็นจัดลงในแป้งทอดกรอบ ดูให้เนื้อแป้งข้น เหนียว ไม่เหลวเป็นน้ำ จึงนำมะละกอสับที่ได้ใส่ลงไป พร้อมทั้งคลุกเคล้าให้แป้งเกาะเส้นมะละกอ
  2. ลงมือทอดมะละกอที่ชุบแป้งไว้แล้ว โดยเคล็ดลับของ ส้มตำกรอบ เวลาทอดต้องใช้ไฟปานกลาง น้ำมันต้องท่วม และตักมะละกอลงไปทอดทีละนิด เมื่อนำลงไปทอดให้ใช้ช้อนส้อมค่อย ๆ เกลี่ยเส้นมะละกอออกไม่ให้จับกันเป็นก้อน ทอดจนทั้งสองด้านมีสีเหลืองกรอบน่ารับประทานเป็นอันเสร็จขั้นตอน
  3. เริ่มทำน้ำราดแบบตำไทย ใส่พริก กระเทียมลงไปตำพอหยาบ ตามด้วยถั่วฝักยาวตำให้แตกดี ต่อด้วยมะเขือเทศ และถั่วลิสง พร้อมปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บ มะนาว น้ำปลา ตำหยาบ ๆ อีกครั้ง แล้วให้ตักใส่ถ้วยไว้ก่อน หากใครไม่ชอบตำไทย อยากทำ ส้มตำทอดปลาร้า ให้ใส่น้ำปลาร้าเพิ่มเข้าไป และทำการลดความหวานลง
  4. นำมะละกอที่ทอดได้แล้วจัดใส่จาน และราดหน้าด้วยน้ำส้มตำที่เตรียมไว้ พร้อมเสิร์ฟได้

เห็นวิธีการทำ ส้มตำทอด และได้รู้เทคนิคการทำไปแล้ว ว่าทำอย่างไรให้กรอบนาน และไม่จับกันเป็นก้อน นอกจากเป็นอาหารที่รสชาติอร่อยถูกปากแล้ว ประโยชน์ของส้มตำทอด ที่น่ารู้คือ มะละกอมีวิตามินซีสูง มะเขือเทศมีสารต้านอนุมูลอิสระ พริกแก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ ซึ่งถือว่าเป็นอาหารที่อร่อย และมีสารอาหารครบครันเลยทีเดียว

Categories
อาหารคาว

เมนูพื้นบ้าน นึ่งไก่ แบบอีสาน อาหารไทยง่าย ๆ

นึ่งไก่

พูดถึงเมนูไก่นั้นมีมากมาย จะกินเป็นกับข้าวก็ดี หรือกินเป็นของกินเล่น จะเป็นกับแก้มก็ดี เพราะเมนูไก่ทำง่าย ราคาถูก หาซื้อง่าย วันนี้เราจึงมาแนะนำ เมนูไก่นึ่งพื้นบ้านจากภาคอีสาน หรือ นึ่งไก่ แบบอีสาน เป็นอาหารไทยที่ง่าย ไม่ว่าใครก็สามารถทำกินเองได้ที่บ้าน หรือจะทำกินเป็นกับแก้มสังสรรค์ในหมู่เพื่อนฝูงก็เป็นเมนูที่เข้ากันสุดๆ

ถ้าพูดถึงการ นึ่งไก่ แบบอีสาน เราจะนึ่งไก่อย่างไรไม่ให้ไก่เหนียว เทคนิคการนึ่งไก่ไม่ให้เหนียว คือการ

  • เลือกซื้อไก่สดที่มีคุณภาพ เนื่องจากไก่ที่สดใหม่จะรสชาติดีที่สุด เทคนิคการเลือกไก่ที่สดใหม่ให้สังเกตจากเนื้อไก่ต้องแน่น ไม่ส่งกลิ่น ผิวของไก่ไม่เหี่ยวย่น ไม่มีจ้ำเขียว ๆ
  • เนื้อไก่ที่เหมาะแก่การนำมานึ่งคือส่วน น่อง สะโพก และ ปีก ส่วนเนื้ออก และ สะโพก ไม่แนะนำเพราะว่าเป็นส่วนที่ค่อนข้างแห้งและหยาบ
  • เนื้อไก่ด้านนอกนั้นจะสุกง่าย ด้านในจะสุกยาก เทคนิคคือการใช้ซ่อมเจาะเข้าไปที่เนื้อไก่ ให้เข้าร้อนเข้าไปข้างในอย่างทั่วถึง
  • การหมักเนื้อไก่ ควรหมักทิ้งไว้ 1 ชั่วโมง เพื่อให้วัตถุดิบซึมเข้าไปในเนื้อไก่ และทำให้เนื้อไก่นุ่มหอมอร่อย การนึ่งไก่ควรใช้ไฟแรงเพื่อรีดเอาไอน้ำจากความร้อนมาทำให้ไก่สุกและชุ่มช่ำเรียกรสชาติจากสมุนไพรที่หมักไว้ให้ส่งกลิ่นหอมออกมาอย่างเต็มที่
  • การนึ่งไก่ให้นำพลาสติกมาห่อจานไก่ไว้ก่อน เพื่อกันไอน้ำลงไปในเครื่องหมัก เพราะไอน้ำจะทำให้รสชาติไก่นั้นจืดลง ให้เจาะรูพลาสติกให้ความร้อนเข้าไปในไก่และเครื่องหมักได้ เทคนิคนี้ยังสามารถนำไปใช้กับการนึ่งไก่แบบธรรมดาได้อีกด้วย
นึ่งไก่ แบบอีสาน

นึ่งไก่ อีสาน เป็นเมนูภาคอีสาน ที่มีวิธีทำที่ง่ายและมีส่วนผสมที่ไม่ยุ่งยาก ส่วนผสมในการทำก็ได้แก่ เนื้อน่อง ปีก หรือ สะโพก หอมแดง กระเทียม รากผักชี ข่าหั่นแว่น ตะไคร้ เกลือ น้ำตาล ใบมะกรูด พริกขี้หนูสวน วิธีการนึ่งไก่ก็มีแตกต่างกันไป ถ้าแบบภาคอีสานดั้งเดิมก็จะนึ่งไก่ใส่หวด ในบางพื้นที่จะมีการนำไก่ไปเผาไฟก่อนจึงค่อยนำไปหมัก แล้วเอาไปนึ่งในหวดต่อ

 นึ่งไก่ แบบอีสาน

เมนูไก่นึ่ง มักจะมาพร้อมน้ำจิ้มสูตรเด็ดที่กินควบคู่กัน ไม่ว่าจะเป็นน้ำจิ้มซีฟู้ดก็ดี หรือน้ำจิ้มไก่ก็ดีไปอีกแบบ แต่สูตรที่ทางภาคอีสานมักจะชอบกินกันก็คือ ไก่นึ่งจิ้มแจ่ว หรือ แจ่วนึ่งไก่ ที่นำเอาแจ่วมาหมักพร้อมกับไก่ไปในตัว (แจ่วในที่นี้ไม่ใช่น้ำจิ้มแจ่วสีดำๆนะ) นอกจากการนึ่งไก่ใส่หวดที่เขียนไปแล้วนั้น ก็ยังมีการนึ่งไก่ในหม้อก็ได้ หรือจะเป็นการนึ่งไก่ในหม้อหุงข้าว ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับคนที่ไม่มีหวด แถมยังง่ายและสะดวกกว่าอีกด้วย

Categories
อาหารคาว

แกงฮังเล อาหารจานเด็ดจากพม่าสู่ภาคเหนือของไทย

แกงฮังเล

แกงฮังเล หรือ แกงฮิเล เป็นอาหารประเภทแกงที่มีมาอย่างยาวนาน มีต้นกำเนิดจากประเทศพม่า โดยคำว่า ฮึน แปลว่า แกง และ เล่ แปลว่าเนื้อสัตว์ แกงฮังเล ได้รับความนิยมและแพร่ขยายเข้ามาสู่ภาคเหนือของประเทศไทย ทำให้แกงฮังเลเป็นอาหารขึ้นชื่อของภาคเหนือในที่สุด แต่ความอร่อยของเมนูนี้ก็ส่งต่อไปยังภูมิภาคต่าง ๆ ทำให้แกงฮังเล เป็นที่นิยมในแทบทุกที่ของประเทศไทย

แกงฮังเล มีวิธีปรุงอยู่ 3 แบบคือแบบพม่า หรือ แกงฮังเลสูตรดั้งเดิม แบบเชียงแสน และ แบบไทใหญ่ โดยแกงฮังเลสูตรดั้งเดิม หรือ แบบพม่าจะได้รับความที่นิยมมากที่สุด รสชาติจะออกเปรี้ยว เค็ม หวานนิดหน่อย น้ำขลุกขลิก มีส่วนผสม คือ ใส่ขิง น้ำมะขามเปียก กระเทียมดอง ถั่วลิสง น้ำตาลอ้อย ส่วนแกงฮังเลแบบเชียงแสนนั้นจะมีส่วนผสมที่แตกต่างกัน คือ ถั่วฝักยาว พริก หน่อไม้ดอง งาคั่ว ส่วนประกอบสำคัญของแกงฮังเลแบบเชียงแสนที่ขาดไม่ได้เลยคือผงแกงฮังเลหรือผงมัสล่า ซึ่งเป็นผงเครื่องเทศแบบผสมแบบเดียวกับ การัม มาซาลา ของอินเดีย น้ำพริกแกงจะแตกต่างกันนิดหน่อยคือมี พริกแห้ง เกลือ ข่าแก่ ตะไคร้ กระเทียม หอมแดง สุดท้ายแกงฮังเลแบบไทใหญ่ จะมีน้ำที่ขลุกขลิก และ กินกับมะม่วงสะนาบซึ่งเป็นมะม่วงสับ ยำกับกะปิคั่ว กุ้งแห้งป่น และกระเทียมเจียว

แกงฮังเล

แกงฮังเล มักจะใช้หมูสามชั้นติดมัน หรือ กระดูกซี่โครงหมู เป็นส่วนประกอบหลักในการทำอาหาร ส่วนที่เราจะมานำเสนอวันนี้คือ แกงฮังเลแบบพม่าดั้งเดิม หรือ แกงฮังเลม่าน

ส่วนผสม

  • เนื้อสันคอหมู 300 กรัม (จะเป็นสันนอก หรือจแค่เนื้อหมูสามชั้นอย่างเดียวก็ได้แล้วแต่ความชอบ)
  • เนื้อหมูสามชั้น 200 กรัม
  • น้ำมะขามเปียก 3 ช้อนโต๊ะ
  • ขิงซอย ½ ถ้วย
  • กระเทียม ½ ถ้วย
  • ถั่วลิสงคั่ว 2 ช้อนโต๊ะ
  • สัปปะรด 2 ช้อนโต๊ะ
  • ผงฮังเล 2 ช้อนโต๊ะ

เครื่องแกง

  • พริกแห้ง 7 เม็ด (หรือถ้าชอบเผ็ดน้อยก็ลดปริมาณพริกลง)
  • พริกขี้หนูแห้ง 4 เม็ด
  • หอมแดง 3 หัว
  • กระเทียม 20 กลีบ
  • ตะไคร้ซอย 2 ช้อนโต๊ะ
  • ข่าซอย 1 ช้อนโต๊ะ
  • เกลือ 1 ช้อนชา
  • กะปิหยาบ ½ ช้อนโต๊ะ

วิธีทำแกงฮังเล

  1. นำเครื่องแกงที่เตรียมไว้ไปโขลกหรือบดให้ละเอียด
  2. หั่นหมูสันคอและหมูสามชั้นให้พอดีคำ หรือ ขนาด 1.5 x 1.5 นิ้ว แล้วนำมาคลุกเคล้ากับซีอิ้วดำและเครื่องแกงที่เตรียมไว้ เติมสัปปะรดลงไป หมักไว้ 1 ชั่วโมง หรืออย่างน้อย 20 นาทีเพื่อให้เครื่องแกงซึมเข้าเนื้อ
  3. นำหมูที่หมักไว้มาลงหม้อที่ตั้งไฟ ใส่น้ำเล็กน้อย ใช้ไฟกลางเพื่อให้น้ำมันหมูค่อยๆออกมาเสริมรสชาติ พลิกหมูไปมาเพื่อให้สุกทั่วทุกส่วน ผัดให้หมูเริ่มสุกอย่าให้หมูติดหม้อ จากนั้นเติมน้ำลงหม้อให้พอท่วมหมู ใช้ไฟกลางถึงสูง จนน้ำเดือด
  4. หลังจากนั้นปรับไฟเป็นไฟอ่อน ปิดฝาไว้ คอยเติมน้ำให้ท่วมหมูอยู่เสมอไม่งั้นก้นหม้อจะไหม้ เคี่ยวไปเรื่อย ๆ จนหมูนิ่มได้ที่
  5. ใส่ขิงซอย กระเทียม และ ผงแกงฮังเลลงไป ปรุงรสด้วยน้ำมะขามเปียก เกลือ และ น้ำตาลอ้อย ชิมรสดูว่าได้ 3 รส เปรี้ยว เค็ม หวาน รึยัง หลังจากนั้นคนให้เข้ากันแล้วปิดฝา
  6. เคี่ยวต่ออีกนิด พอเดือดสักพักให้ปิดไฟ น้ำแกงฮังเลจะเริ่มแห้งลงและมีความเข้มข้นขึ้นก็เริ่มกินได้
Categories
อาหารคาว

เมนู แกงกะทิ เมนูสามัญประจำบ้านที่ใคร ๆ ก็ทำได้

แกงกะทิ

หากเราพูดถึงอาหารไทยที่ใช้กะทิเป็นส่วนประกอบในการปรุงอาหารนั้นมีเยอะแยะมากมาย ที่นึกง่ายที่สุดและหาง่ายตามท้องตลาดทั่วไปคงหนีไม่พ้นเมนูอย่าง แกงกะทิ, พะแนง, แกงเขียวหวาน, ฉู่ฉี่, แกงเทโพ, แกงเผ็ด หรือ แกงคั่ว แต่ทั้งหมดแล้วก็คือการพูดรวม ๆ ถึงเมนูอาหารที่ทำจากกะทิทั้งสิ้น หลาย ๆ คนมักคิดว่าการทำอาหารโดยเฉพาะเมนูที่ใช้กะทิแบบนี้นั้นทำยาก แต่จริง ๆ แล้วมันเป็นเมนูที่ไม่ซับซ้อนและทำง่ายกว่าที่คิด เป็นเมนูสามัญประจำบ้านที่อาทิตย์นึงต้องทำกินสักครั้ง

วิธีทำเมนู แกงกะทิ นั้นไม่ยาก ปรับเปลี่ยนส่วนผสมนั่นนิดนี่หน่อยก็สามารถที่จะเป็นเมนูอีกอย่างที่มีกลิ่นหอมของส่วนผสมที่แตกต่างได้ ยกตัวอย่างส่วนผสมของ “แกงเผ็ด” อาหารไทยที่มีมาอย่างยาวนาน มีส่วนผสมของเครื่องแกง ได้แก่ ตะไคร้ ข่า ผิวมะกรูด หอมแดง กระเทียม กะปิ พริกป่น พริกชี้ฟ้าแห้ง พริกขี้หนูแห้ง ลูกผักชีคั่วป่น ยี่หร่าคั่วป่น นำส่วนผสมทั้งหมดมาตำ หรือ บดจนเป็นเครื่องแกงแล้วก็นำไปรวมกับกะทิให้มีประมาณน้ำแกงพอประมาณ เท่านี้คุณก็จะได้แกงเผ็ดแล้ว หรือถ้าคุณอยากทำ “ฉู่ฉี่” ก็แค่ตัดเอาส่วนผสมอย่าง ลูกผักชีคั่วป่น และ ยี่หร่าคั่วป่น ออก และใส่ รากผักชี แทน ใส่น้ำกะทิให้น้อยลงทำให้มันเข้มข้น ถ้าเป็น “พะแนง” ก็เติมถั่วลิสงคั่วป่น ลงไป ถ้าเป็น “แกงคั่ว” ก็ใช้กุ้งแห้งหรือปลาแห้งป่น ก็จะได้เครื่องแกงของ แกงคั่วแล้ว หรือปรับเปลี่ยนตามเมนูและเนื้อสัตว์ที่จะทำ

วิธีทำ แกงกะทิ

ส่วนแกงกะทิ ที่เราอยากมาแนะนำวันนี้คือเมนู “แกงคั่วหมูย่างใบชะพลู” เป็น แกงกะทิหมูสามชั้น ที่น่ากินมาก ๆ เลยทีเดียว เรามาดูส่วนผสมในการทำ แกงคั่วหมูย่างใบชะพลู กันดีกว่า

  • เนื้อหมูย่าง 250 กรัม ที่หมักด้วยซอสหอยนางรม 1 ช้อนโต๊ะ และ ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ (จะใช้ส่วนที่เป็นสามชั้น หรือ คอหมู ก็ได้แล้วแต่ชอบ)
  • หัวกะทิ 2 ถ้วยตวง
  • พริกแกงคั่ว 3 ช้อนแกง
  • หางกะทิ 2 ถ้วยตวง
  • น้ำตาลมะพร้าว ใส่เพียงเล็กน้อยเท่าหัวนิ้วมือ
  • น้ำปลา ½ ทัพพี
  • ใบชะพลู 15-20 ใบ

วิธีทำแกงคั่วหมูย่างใบชะพลู

  • นำหมูที่หมักจนได้ที่ไปย่างไฟแรง ไม่ต้องย่างจนหมูไหม้ แค่พอให้น้ำในหมูไหลออกมาจนส่งกลิ่นหอม ไม่ต้องกลัวว่าหมูจะไม่สุขเพราะต้องเอาไปแกงต่อ เสร็จแล้วหั่นพอดีคำ
  • ตั้งหม้อ ใส่หัวกะทิลงไป ½ ถ้วยตวง แล้วตามด้วยพริกแกงคั่ว ผัดให้เข้ากันจนแตกมัน เสร็จแล้วก็ใส่หัวกะทิที่เหลืออยู่ลงไปผัดต่อจนหมด พอเดือดแล้วก็ใส่หมูย่างที่ชุ่มไปได้ด้วยน้ำหมู ผัดให้เข้ากันสักพักก็เติมหางกะทิลงไปต่อ
  • ปรุงรสชาติด้วยน้ำปลา น้ำตาลมะพร้าว ค่อย ๆ ปรุงและชิมรสชาติปรับไปตามความชอบ เสร็จแล้วใส่ใบชะพลูแล้วกดให้จมลงไปในแกง คนให้เข้ากัน ทิ้งไว้ให้แกงเดือดสักพักแล้วปิดเตา เท่านี้ก็จะได้ แกงคั่วหมูย่างใบชะพลู แล้ว

แกงคั่วหมูย่างใบชะพลู หรือ แกงกะทิ กินคู่กับข้าวสวยร้อน ๆ อาจจะเสริมด้วย เมนูไข่อย่าง ไข่เจียว ไข่ดาว หรือ ไข่ต้มยางมะตูมไข่แดงเยิ้ม ๆ ราดด้วยน้ำแกงขลุกขลิก หรือจะเอามากินกับขนมจีนก็ได้นะ คล้าย ๆ ขนมจีนแกงคั่วไก่ อร่อยไปอีกแบบเหมือนกัน กินกับผักสดตามแบบที่เราชอบช่วยลดความเผ็ดความเลี่ยนได้ด้วยนะ เห็นไหมแกงกะทิ ทำง่ายนิดเดียว แต่อาจจะใช้เวลาในการทำสักหน่อย แต่ไม่อยากเลยจริงไหม เหมาะเป็นเมนูที่ไว้ทำกินที่บ้านจริง ๆ

Categories
อาหารคาว

น้ำพริกกากหมู

น้ำพริกกากหมู สูตรกากหมูกรอบนาน

น้ำพริกกากหมู

น้ำพริกกากหมู เป็นหนึ่งในน้ำพริกที่อยู่คู่บ้านเรามานาน ด้วยรสชาติเผ็ดร้อน กลมกล่อมไปด้วยเครื่องเทศอย่างกระเทียม หอมแดง ซึ่งเดิมทีน้ำพริกชนิดนี้จะเป็นน้ำพริกข้น ๆ และมีกากหมู แต่พอมาในยุคปัจจุบันน้ำพริกชนิดนี้ได้ปรับเปลี่ยนให้เหมาะกับความชอบของเหล่าผู้บริโภคมากขึ้น โดยการนำไปทอดให้กรอบ และอัดแน่นไปด้วยความจัดจ้านจนได้ สูตรน้ำพริกกากหมูแซ่บ สะท้านทรวง ที่นิยมกันในตอนนี้ สำหรับ วิธีทำน้ำพริกกากหมูแห้ง อาจจะต้องใช้เวลาพอสมควร แต่หากได้ทำกินเองละก็รับรองว่าฟินเชียวล่ะ


ส่วนประกอบ น้ำพริกกากหมู


1. หนังหมู 1 กิโลกรัม
2. น้ำเปล่า 2 ถ้วยตวง
3. เกลือ 2 ช้อนชา(สำหรับเจียวกากหมู)
4. หอมแดงซอยละเอียด 300 กรัม
5. กระเทียมไทยสับซอยละเอียด 150 กรัม
6. พริกจินดาแห้ง 20 กรัม
7. พริกจินดาแห้งป่น 4 ช้อนโต๊ะ
8. น้ำตาลทราย 3 ช้อนโต๊ะ
9. เกลือป่น 1 ช้อนชา (สำหรับปรุง)
10. เกลือป่น 2 ช้อนโต๊ะ (สำหรับล้างหนังหมู)
11. ใบมะกรูด 1 ถ้วยตวง
12. น้ำมะนาว ½ ช้อนชา


วิธีการทำน้ำพริกกากหมู


1. หั่นหนังหมูเป็นชิ้นพอดีคำ ใส่เกลือลงไปคลุกเค้าให้ทั่ว นำไปล้างด้วยน้ำสะอาด เทน้ำออก และทำการล้างอีกครั้งด้วยการใส่น้ำมะนาวลงไป จบด้วยการล้างน้ำสะอาดอีกรอบ ซึ่งการคลุกด้วยเกลือก่อนนำไปล้าง และล้างด้วยน้ำมะนาวเป็น วิธีทำน้ำพริกกากหมูให้กรอบนาน ยิ่งขึ้น
2. เจียวหอม กระเทียม พริกจินดา ด้วยไฟปานกลาง วิธีทำน้ำพริกกากหมู สมุนไพร ให้หอมอร่อยคือ การเพิ่มใบมะกรูด โดยการนำใบมะกรูดไปเจียวให้กรอบ เมื่อทุกอย่างสุกกรอบแล้วให้ตักขึ้นมาสะเด็ดน้ำมัน
3. ตั้งกระทะ เปิดไฟแรง เทหนังหมูลงไป ผัดสักพักให้เติมน้ำเปล่าตาม และผัดต่อไปเรื่อย ๆ จนน้ำเริ่มแห้ง หากหนังหมูมีสีเหลืองเข้ม ให้ปิดเตาแล้วตักพักไว้อย่างน้อย 2 ชั่วโมง พอครบเวลาให้ทำการเจียวกากหมูอีกรอบด้วยไฟแรง จากนี้จะเห็นได้ว่ากากหมูเริ่มฟองตัว และฟูมากขึ้น เป็นอันเสร็จการทอด
4. เทส่วนผสมทั้งหมดลงในกระทะ และใส่เครื่องปรุงที่เตรียมไว้ลงไป ทำการผัด คลุกเคล้าให้ส่วนผสมทุกอย่างเข้ากันดี เพียงเท่านี้ก็สามารถตักเสิร์ฟเคียงคู่กับข้าวสวยร้อน ๆ สักถ้วย


น้ำพริกกากหมูแบบผัดแห้งจะแตกต่างจากวิธีการทำ น้ำพริกกากหมูโบราณ ที่มีส่วนผสมของน้ำมะขามเปียก น้ำตาลมะพร้าว น้ำตาลทราย ซีอิ๊วขาวเข้ามา และยังต้องใช้เวลาในการเคี่ยวอย่างต่ำ 4 ชั่วโมง สำหรับ วิธีเก็บน้ำพริกกากหมูให้กรอบนาน ต้องเก็บใส่กล่องให้มิดชิด หรือกล่องสุญญากาศจะทำให้กรอบนาน และเก็บกินได้ถึง 2 อาทิตย์เลย

Categories
อาหารคาว

ทอดมันกุ้ง

เคล็ดลับวิธีทำ ทอดมันกุ้ง

ทอดมันกุ้ง

หากใครได้มีโอกาสแวะไปกินข้าวที่ร้านอาหารจะเห็นได้ว่าเมนู ทอดมันกุ้ง อยู่ในเมนูเรดคอมเมนด์ของทุกร้าน อาหาร ยอดนิยมที่หลาย ๆ คนต้องขอสั่งเป็นออร์เดิร์ฟทานเล่น ด้วยรสชาติที่แตกต่างจากทอดมันปลากราย เพราะการทอดแบบชุบเกร็ดขนมปัง ทำให้ได้ความกรอบอร่อยอย่างลงตัว และยังเป็นเมนูร่วมสมัย เรียกได้ว่าคือเมนูโปรดของใครหลาย ๆ คน ส่วนวิธีการทำนั้นง่ายดาย ไม่ยุ่งยาก ทำได้จากที่บ้าน ไม่ต้องไปถึงร้านอาหารก็ได้อิ่มอร่อยกับเมนูนี้


วัตถุดิบในการทำทอดมันกุ้ง


1. กุ้ง 1 กิโลกรัม
2. รากผักชี 2 ราก
3. กระเทียม 4 กลีบ
4. ซอสปรุงรส 2 ช้อนโต๊ะ
5. ซอสหอยนางรม 1 ช้อนโต๊ะ
6. น้ำตาลทราย ½ ช้อนโต๊ะ
7. ไข่ไก่ 1 ฟอง
8. พริกไทย 1 ช้อนชา
9. แป้งข้าวโพด 1 ช้อนโต๊ะ
10. เกร็ดขนมปัง 200 กรัม
11. แป้งทอดกรอบ 250 กรัม


ขั้นตอนการทำ ทอดมันกุ้ง


1. ล้างทำความสะอาดกุ้ง ปอกเปลือกและผ่าหลังกุ้งเพื่อนำสิ่งสกปรกออก จากนั้นให้ตำรากผักชี กระเทียม พริกไทยให้เข้ากันดี ให้ตักใส่ถ้วยไว้
2. นำกุ้งที่ล้างเสร็จแล้วมาสับ หรือปั่นให้ละเอียด ขั้นตอนนี้หากใครมีครกสามารถตำได้เลย เพราะการตำจะทำให้เนื้อกุ้งเนียน เหนียว ละเอียด ต่อด้วยการใส่สามเกลอ น้ำตาลทราย ซอสปรุงรส ซอสหอยนางรม และแป้งข้าวโพดลงไป ซึ่งแป้งข้าวโพดจะทำให้เนื้อทอดมันมีความเหนียวนุ่ม หรือหากไม่มีสามารถทำ ทอดมันกุ้งใส่ผงฟู ได้ จะช่วยเรื่องความเหนียวนุ่มเช่นกัน และยังทำให้ทอดมันขึ้นฟูอีกด้วย
3. จากนั้นทำการนวดส่วนผสมให้เข้ากันประมาณ 10 นาที สังเกตว่าถ้ายกมือขึ้นแล้วไม่มีส่วนผสมติดมือ หรือเนื้อเริ่มตั้งยอดเป็นอันใช้ได้
4. วิธีทำทอดมันกุ้งโดนัท หรือวิธีปั้นให้เป็นทรงโดนัท เริ่มจากการปั้นเป็นก้อนกลม ๆ แล้วไปคลุกกับแป้งทอดกรอบ ตามด้วยการชุบไข่ และคลุกกับเกร็ดขนมปังอีกที สุดท้ายให้ใช้นิ้วโป้งกดลงไปตรงกลางให้เป็นรู เท่านี้ก็จะได้ทอดมันทรงโดนัท
5. ตั้งกระทะใส่น้ำมันให้ท่วม รอจนน้ำมันร้อน ให้ใส่ตัวทอดมันที่ปั้นแล้วลงไป ทอดจนกว่าจะสุก มีสีเหลืองกรอบน่ารับประทาน ตักขึ้นเพื่อสะเด็ดน้ำมัน เป็นอันเสร็จ วิธีทำทอดมันกุ้ง ง่าย ๆ


ทั้งนี้หากใครไม่ชอบทอดมันกุ้ง แบบเดิม ๆ อยากใส่ผักใบเขียวลงไปแนะนำให้ลองทำ ทอดมันกุ้งใบเล็บครุฑ ถือว่าเป็นผักที่มีประโยชน์ และยังนิยมนำมาเป็นส่วนผสมของทอดมันอีกด้วย แต่ไม่ว่าจะเป็นสูตรไหนเมนูอย่าง ทอดมันกุ้งอร่อย จนเป็นของกินยอดฮิตทั้งเด็ก และผู้ใหญ่ต่างติดใจ