Categories
อาหารคาว

กุ้งอบวุ้นเส้น

กุ้งอบวุ้นเส้น ทำง่ายได้รสชาติเหมือนภัตตาคาร

กุ้งอบวุ้นเส้น

กุ้งอบวุ้นเส้น เมนูอาหารไทยได้รับอิทธิพลมาจากประเทศจีน ยิ่งถ้าใครเคยไปแถวเยาวราชจะต้องเจอร้านดังที่มีเมนูนี้ขาย แต่ถึงอย่างไรอาหารจานนี้ก็สามารถทำกินเองได้ง่าย ๆ ทั้งยังมีเคล็ดลับที่อยากนำมาบอกต่อด้วยว่า กุ้งอบวุ้นเส้นใช้วุ้นเส้นอะไร กุ้งอบวุ้นเส้นใส่อะไรบ้าง ถ้าเรื่องของวุ้นเส้นแนะนำว่าควรเลือกวุ้นเส้นแห้งทำมาจากถั่วเขียวแท้จะทำให้เส้นนุ่ม เหนียว ยืดและอร่อยมาก สำหรับเมนูนี้ใส่อะไรบ้าง แน่นอนว่าต้องมีกุ้งสด แต่สำหรับส่วนผสมอื่น ๆ และขั้นตอนการทำ สามารถเลื่อนลงไปดูพร้อม ๆ กันเลย


ส่วนผสม กุ้งอบวุ้นเส้น


1. กุ้งขาวสด 5 ตัว
2. หมูสามชั้น 200 กรัม
3. วุ้นเส้น 1 ห่อ
4. น้ำมันงา 1 ช้อนชา
5. น้ำตาลปี๊บ ½ ช้อนโต๊ะ
6. ซีอิ๊วดำ ½ ช้อนชา
7. ซอสหอยนางรม 1 ช้อนโต๊ะ
8. ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
9. น้ำเปล่า 1 ถ้วย
10. ขิงแก่หั่นแว่น 5 แว่น
11. กระเทียม 3 กลีบ
12. พริกไทยป่น ½ ช้อนชา
13. พริกไทยดำ 1 ช้อนชา
14. ขึ้นฉ่าย 2 ต้น
15. ต้นหอม 2 ต้น


ขั้นตอนการทำกุ้งอบวุ้นเส้น


1. ล้างทำความสะอาดกุ้งโดยการผ่าหลัง ตัดหนวดกุ้งออก แต่เก็บหัวกุ้งไว้ ต่อด้วยการนำวุ้นเส้นไปแช่ในน้ำทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที
2. หั่นหมูสามชั้นให้มีขนาดพอดีคำโดยการลอกหนังแข็ง ๆ ออก สำหรับคนที่ทำ กุ้งอบวุ้นเส้น ไม่ใส่มันหมู สามารถใส่น้ำมันหรือเบคอนแทนได้
3. โคลกสามเกลอ เริ่มที่รากผักชี พริกไทยดำ กระเทียม ตำให้เข้ากัน ตักใส่ถ้วยไว้ก่อน
4. ผสมซอสหอยนางรม ซีอิ๊วขาว น้ำตาลปี๊บ เข้าด้วยกัน แล้วนำส่วนผสมที่ได้ไปราดลงบนวุ้นเส้นที่สะเด็ดน้ำ ทำการคลุกเคล้าให้น้ำซอสกระจายทั่ว ๆ วุ้นเส้น
5. ใครที่ไม่มีหม้อดิน หรือหม้ออบ สามารทำ กุ้งอบวุ้นเส้นในกระทะ หรือ กุ้งอบวุ้นเส้นหม้อหุงข้าว ได้ โดยทำการตั้งกระทะเปิดไฟกลาง เริ่มใส่หมูสามชั้น ขิง สามเกลอ น้ำมันงา ผัดจนหมูสุกเล็กน้อย ตามด้วยวุ้นเส้น กุ้ง แล้วปิดฝาไว้ สำหรับคนที่ใช้หม้อหุงข้าว ยังไม่ต้องเปิดไฟให้จัดเรียงส่วนผสมก่อน แล้วค่อยเปิดไฟปกติเหมือนตอนหุงข้าว ทั้งสองวิธีจะใช้เวลาประมาณ 15 นาที หรือจนกว่าซอสจะแห้ง ให้ปิดไฟ ตักใส่จาน พร้อมตกแต่งโรยหน้าด้วยต้นหอม ขึ้นฉ่าย และพริกไทยป่น


จุดเด่นของกุ้งอบวุ้นเส้น จะอยู่ที่น้ำซอสปรุงรส ถ้าหากอยากเพิ่มรสชาติให้ลงตัวมากขึ้น สามารถใส่เหล้าจีนได้ 1 ช้อนชา วิธีทำกุ้งอบวุ้นเส้น ง่ายๆ สามารถทำได้โดยไม่ต้องมีหม้อดินเหมือน กุ้งอบวุ้นเส้นโบราณ ใช้กระทะ หรือหม้อหุงข้าวก็ยังอร่อยเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือความสะดวกสบายในการทำนั้นเอง

Categories
ขนมหวาน

วุ้นกะทิใบเตย

วุ้นกะทิใบเตย กลิ่นหอมละมุนชวนทำชวนทาน

วุ้นกะทิใบเตย

เวลาไปเดินตลาดหากคุณมองทางร้านขนมไทยซักเจ้า แล้วเหลือบไปเห็นโซนขายวุ้นกะทิสด หรือวุ้นกะทิโบราณ เดาได้เลยว่า ต้องมีบางวันที่คุณเห็นคนขายเขาทำ วุ้นกะทิใบเตย ตัววุ้นเป็นสีเขียวใสตัดกับตัววุ้นชั้นบนสีขาวนวลเนียนน่ารับประทาน เป็นอันต้องตัดใจไม่ลง และซื้อกลับมาบ้านอย่างแน่นอน เพราะทั้งสีสัน ทั้งกลิ่นใบเตยที่เข้ากันกับกลิ่นกะทิหอมหวานมัน มันช่างเข้ากันเสียเหลือเกิน แต่ก็นะ ช่วงโควิดแบบนี้ การซื้อของมาทำกินเองก็อาจจะทำให้หลาย ๆ คนอุ่นใจกว่า วันนี้เราเลยอยากมาชวนทุกคนทำ วุ้นกะทิใบเตย ทำเอง ทานเองที่บ้านกันไปเลย


อย่างที่อธิบายไปแล้วว่าเจ้าวุ้นกะทิใบเตย แบ่งส่วนประกอบเป็นสองชั้นก็คือชั้นของวุ้นกะทิสด และชั้นของวุ้นใบเตย อธิบายวิธีทำง่าย ๆ ก็คือทำวุ้นแยกกันก่อนสองส่วน แล้วก็เทลงอุปกรณ์สำคัญอย่าง ถาดสี่เหลี่ยม ที่จะได้ฟีลเหมือนกับที่แม่ค้าพ่อค้าขนมหวานขายตามตลาดกลายเป็นวุ้นกะทิใส่ถาดแล้วก็ตัดแบ่งเป็นทรงสี่เหลี่ยม นอกจากจะได้ฟีลแล้ว เป็นอุปกรณ์ที่หาง่ายไม่ต้องลำบากไปซื้อพิมพ์หรือถ้วยพลาสติกด้วย เริ่มมาดูส่วนผสมและวิธีทำวุ้นใบเตยหน้ากะทิสดกันเลยดีกว่า


ส่วนผสมของวุ้นใบเตยที่อยู่ชั้นล่าง


1. ใบเตยสด 10-12 ใบ
2. น้ำสะอาด 550 มิลลิลิตร
3. น้ำตาลทรายขาว 95 กรัม
4. ผงวุ้น 5 กรัม


ส่วนผสมของวุ้นกะทิที่อยู่ชั้นบน


1. กะทิ 200 กรัม (จะใช้กะทิสด หรือกะทิสำเร็จรูปได้ตามความสะดวก)
2. น้ำสะอาด 200 มิลลิลิตร
3. น้ำตาลทราย 95 กรัม
4. ผงวุ้น 5 กรัม
5. เกลือ 1/2 ช้อนชา


วิธีทำวุ้นกะทิใบเตยใส่ถาด มีขั้นตอนการทำ ดังนี้


ขั้นตอนที่ 1 เริ่มทำตัววุ้นใบเตยก่อน เริ่มจากทำน้ำใบเตย โดยการหั่นใบเตยสดเป็นชิ้น แล้วแบ่งลงไปตำในครกให้ละเอียด หรือใครไม่มีครกก็สามารถใช้เครื่องปั่นได้ปั่นให้ละเอียดพร้อมกับน้ำเปล่าบางส่วน จากนั้นก็กรองน้ำใบเตยออกมาทิ้งกากไป วิธีนี้เป็นวิธีที่ที่จะทำวุ้นใบเตยไม่ให้เหม็นเขียว และสีสันออกมาสวยงาม จากนั้น


ขั้นตอนที่ 2 นำน้ำใบเตยที่คั้นแล้ว และน้ำสะอาดใส่หม้อขึ้นตั้งไฟ แล้วจึงใส่ผงวุ้น คนให้เข้ากันแล้ว เมื่อผงวุ้นละลายหมดจึงใส่น้ำตาลทรายแล้วคนจนน้ำตาลละลายจนหมด พยายามช้อนฟองให้หมด แล้วทิ้งไว้ให้เย็นลง


ขั้นตอนที่ 3 ระหว่างที่รอวุ้นใบเตยเย็นลง ให้เริ่มตั้งหม้อเตรียมทำวุ้นกะทิ โดยใส่กะทิ และน้ำเปล่า ลงไปก่อน ตามด้วยผงวุ้น คนจนผงวุ้นละลายหมด แล้วจึงใส่น้ำตาลทรายและเกลือลงไป คนจนละลาย พยายามใช้ไฟอ่อนถึงปานกลาง จากนั้นทิ้งไว้ให้เย็น


ขั้นตอนที่ 4 หลังจากที่ทำตัววุ้นกะทิเสร็จ วุ้นใบเตยก็เย็นตัวลงประมาณหนึ่งให้เทใส่ถาด แล้วรอให้วุ้นใบเตยเซตตัว จึงเทวุ้นกะทิที่เย็นลงลงบนวุ้นใบเตย ที่เหลือก็นำเข้าตู้เย็นอีกวันก็เตรียม


อ่านวิธีทำวุ้นกะทิใบเตยใส่ถาดกันไปเพลินแล้วรู้สึกอยากจะวิ่งไปเข้าครัวเตรียมทำขนมกันบ้างเลยใช่ไหมละ ใครที่อยากลองเริ่มทำเมนูขนมง่าย ๆ ทานเอง แบบอยากฝึกสกิลการชั่ง ตวง วัดก่อน เมนูวุ้นกะทิใบเตย เมนูนี้ถือว่าใช้ทดสอบเบื้องต้นได้ก่อนด้วยนะ อ๋อ แอบแถมอีกนิดหากใครอยากเปลี่ยนสีจากสีเขียวเป็นสีฟ้าจะนำอัญชันมาต้มเอาสีแทนใบเตย แล้วทำเป็นวุ้นกะทิอัญชันก็ได้เช่นกันนะ

Categories
ขนมหวาน

สาคูเปียกข้าวโพด

สาคูเปียกข้าวโพด ขนมไทยทำง่ายทานง่ายสูตรหวานน้อย

สาคูเปียกข้าวโพด

ใครที่กำลังตามหาของหวานไทยไว้รับทานสลับกับคุกกี้เบเกอรี่ต่าง ๆ ใดๆ ช่วง WFH แบบนี้ ต้องเร่เข้ามาเลย เพราะวันนี้เราเอาหนึ่งสูตรขนมไทยที่ทำง่ายทานง่าย อย่างสาคูเปียกข้าวโพด มาชวนให้ทุกคนลองทำตามกันดู แอบกระซิบด้วยว่า สูตรที่เรานำมานี้เป็น สูตรสาคูเปียกข้าวโพดที่หอมหวานกะทิสดกันไปเลย ตามคอนเซปต์ของหวานไทย ๆ นี่ขาดกะทิไม่ได้ ลองมาดูสูตรสาคูเปียกข้าวโพดกัน


เอ๊ะ! แต่เดี๋ยวก่อน หากใครที่กังวลเรื่องการคุมน้ำหนักอยากลดของหวาน แล้วมีคำถามว่าสาคูเปียกข้าวโพดนี้ กี่แคล ต้องตอบเลยว่า ถ้าคำนวณตามสัดส่วนจากส่วนผสมในสูตรสาคูเปียกข้าวโพดที่นำมาฝากกันวันนี้ จะได้ แคลอรี่ แต่หากคุณอยากลองปรับแคลอรี่ให้ลดต่ำลง อาจปรับได้จากลดปริมาณน้ำตาล หรือปริมาณไขมันจากกะทิเปลี่ยนจากกะทิเป็นนมสดก็พอจะทำได้ ทั้งนี้ทั้งนั้นก่อนปรับสูตรใด ๆ ลองมาดูส่วนผสมและวิธีทำสาคูเปียกข้าวโพดกันก่อนดีกว่า


ส่วนผสมของ สาคูเปียกข้าวโพด


1. สาคูเม็ดเล็ก 1 ถ้วยตวง
2. ข้าวโพดต้มฝานเอาแต่เนื้อ 1 ถ้วยตวง
3. เนื้อมะพร้าวอ่อนขูด 1 ถ้วยตวง
4. เกลือ 1 ช้อนชา
5. น้ำตาลทราย 1 ถ้วยตวง
6. น้ำเปล่า 3 ถ้วยตวง
7. กะทิ 1 ถ้วยตวง


วิธีทำสาคูเปียกข้าวโพด


ขั้นตอนที่ 1 เริ่มจากวิธีต้มสาคูโดยการนำสาคูเม็ดเล็กที่ตวงไว้ เทใส่กระชอน เพื่อร่อนนำเศษผงแป้งที่ติดมากับเม็ดออกไป แล้วจุ่มลงน้ำ นำขึ้นมาสะเด็ดไว้ ระหว่างที่เริ่มเตรียมสาคูให้เทน้ำเปล่าใส่หม้อไว้ พอสาคูสะเด็ดน้ำก็ใส่สาคูลงไป พยายามคนตลอดไม่ให้สาคูติดหม้อ ตรงนี้ต้องระวังดี ๆ เลยคนจนเม็ดสาคูมีลักษณธข้างนอกใสข้างในขาวเป็นอันใช้ได้ ทำการใส่ใส่น้ำตาลลงไป คนต่อไปเรื่อย ๆ อย่างใจเย็น จนน้ำตาลละลายหมด ปิดท้ายด้วยข้าวโพดตามลงไป เมื่อเม็ดสาคูใสเท่ากันทั่วทุกเม็ดแล้วก็ปิดไฟยกลงจากเตาเป็นอันได้สาคูเปียกข้าวโพดมาพักไว้


ขั้นตอนที่ 2 เตรียมส่วนของกะทิที่ใช้ทานคู่กัน โดยใส่กะทิลงในหม้อ จากนั้นเติมเกลือ ยกขึ้นตั้งไฟอ่อน ๆ คนต่อเรื่อย ๆ จนเกลือละลายหมดแล้วเห็นกะทิเริ่มเดือดเล็กน้อย ปิดไฟยกลงจากเตา


ขั้นตอนที่ 3 นำส่วนของสาคูเปียกข้าวโพดมาตักใส่ถ้วยรอไว้ แล้วราดด้วยน้ำกะทิลงไป ได้รสชาติหวานหอมมันเค็มกำลังพอดี


จบไปแล้วหนึ่งสูตรขนมไทยที่เราเอามาฝากกันทำเอาทุกคนอยากลองนำเจ้าสาคูเปียกข้าวโพดไปทำตามและทานเล่นที่บ้านกันเลยใช่ไหมเอ่ย แถมอีกนิด หากใครอยากจะเพิ่มความอร่อยไปอีกขั้นก็สามารถดัดแปลงเป็นสาคูเปียกข้าวโพดมะพร้าวอ่อน ทานคู่กันแล้วลงตัวสุด ๆ หรือจะทำเป็นสาคูเปียกรวมมิตรไม่ใส่แค่ข้าวโพด ใส่เผือก ใส่แห้ว ลงไปด้วยก็อร่อยไปอีกแบบนะ

Categories
ขนมหวาน

ลอดช่อง

ลอดช่อง เส้นเหนียวนุ่มหอมมัน เติมความหวานพร้อมทำงาน

ลอดช่อง

ถึงช่วงนี้จะไม่ใช่ฤดูร้อน แต่เราก็สามารถสรรหาขนมหวานเย็นชื่นใจ ไว้ทานให้ร่างกายกระชุ่มกระชวยได้ ใครที่กำลังเบื่อ ๆ อยากลุกขึ้นมาทำขนมยามว่าง พร้อมกับทำขนมหวานแบบไทย ๆ วันนี้เราก็มีหนึ่งเมนูของหวานไทย อย่าง ลอดช่อง มาชวนทุกคนลองทำตามกันด้วย ยิ่งช่วงอยู่บ้านแบบนี้ ได้ลองทำเองทานเอง สูตรนี้คุณจะทำให้คุณได้ทานลอดช่องเหนียวนุ่ม ทานคู่กับกะทิหอมหวานใส่น้ำแข็งป่นลงไปยิ่งลงตัว ถือเป็นสูตร ลอดช่องกะทิสด ที่น่าลองทำตามมาก ๆ


ก่อนที่จะเริ่มทำลอดช่องกัน เราอาจจะต้องสำรวจก่อนว่าที่บ้านเรามีอุปกรณ์ทำลองช่อง และวัตถุดิบทำลองช่องรึเปล่า เริ่มจากอุปกรณ์ที่ขาดไม่ได้คือ ที่กดลองช่อง มันจะมีลักษณะเป็นคล้าย ๆ ถาดกลม ๆ มีรูกลมเจาะเต็มก้นถาด หรือบางที่ก็จะเป็นแผ่นเล็กสี่เหลี่ยม มีรูเล็ก ๆ เยอะ ๆ หรือจะเป็นพวกกระบวยมีรู แต่อย่างไรก็ตามหากไม่มีอุปกรณ์ทำลองช่องเลย อาจจะต้องสูงสุดคืนสู่สามัญโดยการปั้นที่ละเส้นตามแต่ละความพยายามของแต่ละคนไปเลย แล้วก็อีกอุปกรณ์ที่สำคัญไม่แพ้กันใช้ในการกวนแป้ง คือ กระทะทองเหลือง ที่จะทำให้แป้งไม่ค่อยติดกระทะ แต่หากไม่มีอีกก็กระทะเชฟล่อนซักใบก็ยังดี ส่วนวัตถุดิบและวิธีทำเส้นลอดช่องรวมถึงน้ำกะทิ เรามาลองดูกัน


วัตถุดิบของเส้นลอดช่อง


1. แป้งข้าวจ้าว 3 ถ้วยตวง
2. แป้งมันสำปะหลัง 1 ถ้วยตวง
3. แป้งถั่วเขียว 4 ช้อนโต๊ะ
4. น้ำปูนใส 5 ถ้วยตวง
5. น้ำใบเตยคั้นสดเน้นสีเขียวเข้ม 1 ถ้วยตวง


วัตถุดิบของกะทิราดลอดช่อง


1. น้ำตาลปี๊บ 3 1/2 ถ้วยตวง
2. เกลือป่น 1 ช้อนชา
3. กะทิคั้นสด 5 ถ้วยตวง


วิธีทำลอดช่อง


ขั้นตอนที่ 1 เริ่มจากวิธีทำเส้นลอดช่อง ที่แสนจะซับซ้อนก่อน ให้นำแป้งข้าวจ้าว แป้งมัน และแป้งถั่วเขียว มาใส่อ่างผสม แล้วค่อย ๆ ใส่ น้ำใบเตยสีเขียวเข้มลงไปทีละน้อยแล้วนวดแป้ง ต่อด้วยใส่น้ำปูนใสทีละนิดแล้วนวดแป้ง ทำแบบนี้สลับใส่น้ำใบเตยและน้ำปูนใสแล้วนวดแป้งไปเรื่อย ๆ ต้องใจเย็น ๆ จนสุดท้ายจะได้น้ำแป้ง ที่แป้งละลายหมด


ขั้นตอนที่ 2 ใช้ผ้าขาวบางกรองตัวน้ำแป้งอีกครั้ง ก่อนนำลงกระทะทองเหลือง แล้วไปตั้งบนเตาเปิดไฟอ่อน ๆ กวนแป้งไปเรื่อย ๆ จนแป้งเหนียวข้นขึ้นมาและเข้ากันดี จากนั้นก็ทำให้กระทะเย็นลงอย่างรวดเร็วโดยการนำกระทะไปวางในกะละมังใส่น้ำเย็น ตัวแป้งจะหนึบขึ้นมาอีก แล้วจึงนำแป้งใส่ลงในที่กดลองช่อง และกดออกมาจนได้ลอดช่องเหนียวนุ่ม ลงมาอยู่ในน้ำสะอาด


ขั้นตอนที่ 3 ตัวเส้นสุดแสนยากได้ผ่านไปแล้ว เรามาทำน้ำกะทิกันต่อด้วยการใส่กะทิ น้ำตาลปี๊บ และเกลือผสมลงในอ่างผสม จนน้ำตาลปี๊ปละลายหมด จากนั้นกรองลงหม้อไปตั้งไฟกลาง ๆ เคี่ยวไปจนกะทิเริ่มเดือด ไม่ให้เดือดมากเกินไปเพราะกะทิอาจแตกมันได้ ปิดไฟแล้วตั้งทิ้งไว้ให้เย็น แล้วก็ตักใส่ถ้วยใส่เส้นลอดช่องใส่น้ำแข็งป่นพร้อมทานให้หวานเย็นชื่นใจ


ยังไงก็ตามเมนู ลอดช่อง ที่นำมาฝากกันวันนี้ อาจจะไม่ใช่สูตรลอดช่องวัดเจษเจ้าดัง แต่ก็ถือว่าพอจะให้มือใหม่หัดทำได้ลองทำดูง่าย ๆ ก่อน อ๋อ ลืมบอกบางคนที่ไม่ชอบลอดช่องสีเขียว ๆ หรือลอดช่องไทยแบบนี้อาจจะลองหาสูตรทำลอดช่องสิงคโปร์รสชาติหนึบหนับใส่กะทิ ใส่น้ำแข็งลองทำดูแทนก็ได้นะ สดชื่นชุ่มฉ่ำไม่แพ้กันแน่นอน

Categories
ขนมหวาน

กล้วยบวชชี

ฉ่ามมมมาก! สูตรเมนู กล้วยบวชชี ทั้งฉ่ำ ละมุน นุ่มลิ้น อาหร่อยเว่อร์


ใครเคยเป็นบ้างตอนซื้อกล้วยมาทีไร มักจะกินไม่ทันทุ๊กกกที ต้องคอยหาวิธีแปรรูปกล้วยตลอด จะกวนก็ดูยุ่งย่าง จะปิ้งก็ไม่มีเตา จะทำขนมกล้วยแหมต้องนึ่งอีก ดูยุ่งยากไปหมด ดูสูตรไปมาจนตัดสินใจได้ว่า เมนูขนมกล้วยบวชชีจะต้องเวิร์คแน่ ๆ ขนมไทยถ้วยนี้หากได้ลิ้มลองแล้วอร่อยจนขอยกซด ด้วยรสชาติที่หอม หวาน มีเทกเจอร์หนึบ ๆ กินแล้วดีต่อใจ ฟินสุด ๆ ตอนนี้ใครที่มีกล้วยอยู่ในบ้านไป เตรียมไว้ก่อนเลย เพราะอ่านบทความนี้จบ ได้ทำกันแน่นอน


แจกสูตร กล้วยบวชชี และเคล็ดลับความอร่อย

กล้วยบวชชี

พอพูดถึงกล้วยบวชชี น้ำลายเริ่มแตกเลยทีเดียว เพราะเนื้อสัมผัสของกล้วยที่ต้มสุกพอดี เต่ง ตึง บวกด้วยรสชาติกลมกล่อมของน้ำกะทิ เนื้อกล้วยที่กัดไปแล้วละมุน หูยยย…อดใจไม่ไหวแล้วทุกคน รีบลงมือทำกล้วยบวชชีสูตรโบราณกันเถอะ!


ส่วนผสม


1. กล้วยน้ำว้า 8 ลูก
2. กะทิกล่อง 250 มิลลิตร (หัวกะทิ)
3. หางกะทิ 300 มิลลิลิตร
4. น้ำตาลปี๊บ 30 กรัม
5. น้ำตาลทรายขาว 20 กรัม
6. เกลือ 1/4 ชช
7. ใบเตย 2 ใบ


วิธีทำกล้วยบวชชี สูตรกะทิกล่อง

กล้วยบวชชี

1. ล้างกล้วยทั้งเปลือกด้วยน้ำเปล่า แล้วตั้งหม้อต้มน้ำให้เดือด เมื่อน้ำเดือดแล้วให้ใส่กล้วยลงไปต้มทั้งเปลือกประมาณ 15 นาที การต้มทั้งเปลือกแบบนี้จะเป็นวิธีทำกล้วยบวชชีไม่ให้เปรี้ยว
2. ให้สังเกตว่าถ้าเปลือกกล้วยเริ่มแตก เป็นอันใช้ได้ ตักขึ้นพักไว้ก่อน
3. ปอกเปลือกกล้วย ทำการหั่นแบ่งออกเป็น 4 ส่วน
4. ตั้งหม้อด้วยไฟอ่อน ๆ ใส่หางกะทิลงไป ตามด้วยใบเตยแล้วเคี่ยวจนเดือด ให้ใส่น้ำตาล เกลือ คนจนส่วนผสมละลาย ใส่กล้วยที่หั่นไว้ และหัวกะทิ หลังจากนั้นปิดไฟ ยกลงจากเตา


เคล็ดลับ: หลายคนประสบปัญหาทำแล้วกล้วยฝาด เราเลยมีวิธีทำกล้วยบวชชีไม่ให้ฝาด โดยการเลือกกล้วยห่าม ๆ กึ่งสุกกึ่งดิบ และสำหรับหางกะทิหากเพื่อน ๆ ที่ใช้กะทิกล่อง สามารถทำหางกะทิได้โดยการนำหัวกะทิไปผสมน้ำในอัตราส่วน 1 ต่อ 1 เพียงเท่านี้ก็จะได้หางกะทิ


หวานดีมีประโยชน์จากกล้วยน้ำว้า

กล้วยบวชชี

ขนมไทยกล้วยบวชชี นอกจากอร่อยแล้ว ยังมีวิธีการทำไม่ยุ่งยาก เป็นกล้วยบวชชีง่ายๆ ใคร ๆ ก็ทำได้ และกล้วยบวชชี ประโยชน์ที่ได้จากกล้วยน้ำว้าคือ แคลเซียม เพราะกล้วยที่ถูกต้มทำให้ร่างกายของเราดูดซึมแคลเซียมจากกล้วยได้มากกว่าปกติ และยังช่วยในเรื่องของระบบขับถ่ายด้วยล่ะ


จากการกินกล้วยธรรมด๊า ธรรมดา เอามาแปรรูปเป็นขนมหวานไทยเมนูที่ใครก็ชื่นชอบ เพื่อน ๆ จะทำกินเอง หรือเอาไปแจกข้างบ้าน บอกเลยว่างานนี้ยังไงก็ต้องแฮปปี้ อิ่ม อร่อยชัวร์

Categories
อาหารคาว

แกงเทโพ

แกงเทโพ

แกงเทโพ เป็นอาหารที่มีประวัติความเป็นมาอย่างยาวนาน ความอร่อยของแกงเผ็ดชนิดนี้ถึงขนาดทำให้ ร.2 พระราชนิพนธ์ถึง แกงเทโพเป็นอาหารของภาคกลาง แต่เดิมจะใช้ ปลาเทโพ ตามชื่ออาหารเป็นส่วนประกอบหลัก แต่ในยุคปัจจุบันถูกเปลี่ยนแปลงปรับปรุงไปตามความชอบและการประยุกต์ตามสมัยนิยมมากขึ้น มีการใช้เนื้อสัตว์ชนิดอื่นไม่ว่าจะ หมู ไก่ หรือ ปลาชนิดอื่นมาทำแกงเทโพ

แกงเทโพ

แกงเทโพ เป็นแกงเผ็ดชนิดหนึ่งที่ใช้กะทิ ผักบุ้ง และ เนื้อสัตว์ เป็นส่วนประกอบหลัก แกงเทโพเป็นแกงกะทิรสเข้มข้น รสชาติเปรี้ยวนิด เค็มนำ หวานเล็กน้อย เรามาดูส่วนผสมและวิธีทำแกงเทโพกันดีกว่า


ส่วนผสม


– มะพร้าวขูด 500 กรัม นำมาคั้นเอาหัวกะทิ 1 ถ้วย และ น้ำกะทิ 3 ½ ถ้วย หรือถ้ามีหัวกะทิสำเร็จรูปก็สามารถใช้ได้เช่นกัน
– ผักบุ้ง 1 กำ หรือถ้าชอบผักเยอะผักน้อย สามารถใส่ตามใจชอบได้
– เนื้อสัตว์ อาจเป็น เนื้อหมู เนื้อปลา หรืออื่นๆตามแต่ต้องการ ใส่ตามประมาณที่ต้องการไม่มากไม่น้อยเกินไป
– น้ำมะขามเปียก 4 – 5 ช้อนโต๊ะ
– น้ำตาลปี๊บ ½ ช้อนโต๊ะ
– น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ โดยประมาณ


พริกแกงเทโพ ถ้าทำเครื่องแกงเทโพเองต้องใช้วัตถุดิบ ดังนี้


พริกแห้ง 10 เม็ด
ข่า 3 แว่น
ตะไคร้หั่นฝอย 2 ต้น
ผิวมะกูด 1 ช้อนชา
พริกไทยเม็ด 10 เม็ด
หอมแดง 3 หัว
กระเทียม 5 กลีบ
รากผักชีหั่น 3 ต้น
กะปิ 1 ช้อนโต๊ะ
เกลือเม็ดเล็กน้อย



วิธีทำแกงเทโพ และ ส่วนผสมเครื่องแกงเทโพ


1. ถ้าไม่มีพริกแกงเทโพสำเร็จรูปให้เริ่มทำพริกแกงก่อน นำพริกแห้งมาแช่น้ำให้นุ่ม แล้วนำไปโขกกับเกลือเม็ดพอแหลก
2. ตามด้วย ข่า ผิวมะกรูด รากผักชี และ พริกไทยเม็ดลงไป นำทุกอย่างมารวมกันแล้วโขลกให้ละเอียด แล้วใส่หอมแดง กระเทียม และ กะปิ โขลกส่วนผมทั้งหมดให้ละเอียดอีกครั้ง เช็คดูว่าส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันดีรึยัง
3. หลังจากนั้นนำเนื้อสัตว์ตามต้องการมาหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ แล้วนำลูกมะกรูดมาผ่าครึ่งเอาเมล็ดออก ส่วนใบมะกรูดให้เลือกใช้ใบแก่จะได้มีกลิ่นหอม นำไปล้างน้ำแล้วฉีกเป็นชิ้น ๆ เตรียมไว้
4. นำมะขามเปียกแช่น้ำ แล้วนำมาคั้นให้ได้น้ำมะขามเปียกประมาณครึ่งถ้วย
5. เลือกผักบุ้งยอดอ่อนมาตัดส่วนโคนออก ล้างน้ำให้สะอาด คัดใบเสียออกให้หมด จากนั้นหั่นเป็นท่อน แช่น้ำเตรียมไว้
6. ตั้งกระทะใช้ไฟกลาง เทหัวกะทิเทลงไปในกระทะครึ่งหนึ่ง รอให้กะทิเดือดและแตกมัน มั่นคนเป็นระยะ ๆ ไม่ให้กะทินั้นจับตัวเป็นก้อน
7. หลังจากกะทิแตกมันดีแล้ว ใส่พริกแกงที่เตรียมไว้ลงไปประมาณ 1 ขีด ยีพริกแกงให้เข้ากับกะทิแล้วผัดไปเรื่อย ๆ ถ้าแห้งให้เติมน้ำหางกะทิลงไปเพิ่ม ทำแบบนี้จนเริ่มส่งกลิ่นหอม และแตกมันสวยงาม
8. จากนั้นใส่เนื้อสัตว์ตามต้องการลงไป ผัดให้เข้ากันกับพริกแกง พอเนื้อสัตว์เริ่มสุก ค่อย ๆ เทหางกะทิที่เหลือลงไป
9. จากนั้นเร่งไฟให้แรงขึ้น ปรุงรสโดยใส่น้ำตาลปี๊บ น้ำมะขามเปียก เกลือป่น และ น้ำปลา 2 ช้อน ชิมดูว่าได้รสเปรี้ยวเค็มหวานที่ลงตัวรึยัง
10. พอน้ำแกงเดือดเต็มที่ นำผักบุ้ง และ มะกรูดที่เตรียมไว้ใส่ลงไป ใช้ตะหลิวกดให้ผักบุ้งจมน้ำแกง ทำแบบนี้จนผักบุ้งสุกดี หลังจากนั้นใส่ใบมะกรูดลงไป ราดด้วยหัวกระทิที่เหลือ ½ ถ้วย คนให้เข้ากัน รอให้เดือดอีกครั้งแล้วปิดไฟ พร้อมทานแกงเทโพแสนอร่อยที่ทำขึ้นเองได้เลย


ตามที่กล่าวมานั้นเรียกได้ว่าเป็นสูตรแกงเทโพโบราณเลยก็ว่าได้ นอกจากแกงเทโพโบราณ ที่ใช้ปลาเทโพมาเป็นวัตถุดิบหลักแล้ว นอกเหนือจากนั้นก็ยังมีแกงเทโพที่ใช้เนื้อหมู หรือ หมูสามชั้นที่ต้มจนได้ที่ แต่ที่เด็ดและน่าสนใจไม่แพ้แกงเทโพดั้งเดิมเลยก็คือ แกงเทโพปลาเค็ม และ แกงเทโพปลาโอ มาว่ากันที่แกงเทโพปลาเค็มกันก่อน ทำทุกอย่างเหมือนแกงเทโพต้นตำหรับ เพียงแต่นำปลาเค็มไปสับเป็นชิ้นและแช่น้ำเกลือไว้เพื่อลดความเค็มลง ส่วน แกงเทโพปลาโอนั้นนำปลาโอไปย่างเพื่อให้ได้กลิ่นหอมของเนื้อปลา หรือถ้าคนไม่ชอบปลาย่าง จะนำไปต้มหรือทอดก็ได้ตามสะดวกไม่มีถูกไม่มีผิด มีแต่การเรียนรู้ในห้องครัว และความอร่อยบนโต๊ะอาหาร ขอให้ทุกคนอร่อยกับมื้ออาหารวันนี้

Categories
อาหารคาว

กุ้งผัดผงกะหรี่

สูตรเด็ดเมนู กุ้งผัดผงกะหรี่ อร่อยหอมเครื่องเทศจนน้ำลายไหล

กุ้งผัดผงกะหรี่

แกงกะหรี่เป็นอาหารขึ้นชื่อที่ถือกำเนิดจากประเทศอินเดียและกลายเป็นอาหารยอดนิยมที่แพร่หลายไปทั่วโลก ในแต่ละประเทศ แกงกะหรี่ ก็จะแตกต่างกันออกไปทั้ง ผัดผงกะหรี่ไทย แกงกะหรี่ญี่ปุ่น กะหรี่จีน กะหรี่เวียดนาม กะหรี่ฝรั่งเศส กะหรี่อินเดียที่เป็นของแท้ดั้งเดิม มีทั้งแบบน้ำ แกงเผ็ดประเภทน้ำข้น และ แบบแห้ง แต่ละประเภทก็จะมีชื่อเรียกแตกต่างกันไป


และเมนูที่เราอยากจะมาแนะนำวันนี้ก็คือ กุ้งผัดผงกะหรี่ ผัดผงกะหรี่แบบไทย ๆ ที่ถูกประยุกต์นิดหน่อยจนได้สูตรเด็ดที่ต้องบอกเลยว่าทำเอาติดอกติดใจไปกันตาม ๆ กัน วิธีทำก็ไม่ยุ่งยากอะไรเลย เป็นอีกหนึ่งทางเลือกของเมนูกุ้งที่เอาไว้ไปทำกินกันที่บ้านได้สบายมาก


ส่วนผสม กุ้งผัดผงกะหรี่


– กุ้ง 300-500 กรัม ตามความต้องการ
– น้ำพริกเผา 2-3 ช้อนโต๊ะ (สูตรเด็ดต้องลอง)
– นมข้นจืด 1 กระป๋อง
– น้ำมันหอย 2 ช้อนโต๊ะ
– ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
– น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
– ไข่ 3 ฟอง
– น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
– กระเทียมสับ 2 ช้อนโต๊ะ
– หอมหัวใหญ่ 1 หัว
– ผงกะหรี่ 2-3 ช้อนโต๊ะ
– น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
– ขึ้นฉ่าย 2 ถ้วย
– พริกชี้ฟ้าแดง 2 ช้อนโต๊ะ
– ต้นหอม 3 ตัน


วิธีทำ กุ้งผัดผงกะหรี่


– เริ่มจากการนนำถ้วยหรือชามมาใส่ น้ำพริก ผงกะหรี่ และ นมสด คนให้เข้ากัน
– จากนั้นปรุงรสด้วย น้ำมันหอย ซีอิ๊วขาว และ น้ำตาล คนให้เข้ากันอีกรอบ
– นำไข่ที่เตรียมไว้ 3 ฟองมาตีจนเข้ากัน แล้วเทลงไปในน้ำกะหรี่ปรุงรสที่เตรียมไว้ คนให้ไข่และน้ำกะหรี่ปรุงรสเข้ากันอย่างดี
– ตั้งกระทะ ใช้ไฟกลาง เติมน้ำมันเล็กน้อย ใส่กระเทียมลงไปเจียวให้ส่งกลิ่นหอม ตามด้วยหอมใหญ่ ผงกะหรี่ ผัดให้เข้ากันพอให้หอมใหญ่สุกและส่งกลิ่นหอม
– ใส่เนื้อกุ้งที่เตรียมไว้มาลงผัด พอกุ้งเริ่มมีสีแดงนิดหน่อย ให้ใส่ส่วนผสมน้ำกะหรี่ปรุงรสที่เตรียมไว้ตอนแรกผัดให้เข้ากัน ชิมรสชาติ ถ้ายังไม่พอใจ เติมเครื่องปรุงในสิ่งที่ขาดไปได้
– พอรสชาติได้ที่แล้ว คราวนี้ใส่ผักขึ้นฉ่ายหั่นท่อนลงไป ตามด้วย พริกชี้ฟ้าแดง และ ต้นหอมหั่นท่อน ผัดให้เข้ากันจนผักสุก ใครชอบผักเยอะผักน้อยก็เลือกใส่ตามใจชอบได้เลย เสร็จพร้อมทานได้แล้ว

หมึกผัดผงกะหรี่

ถ้าหากคุณอยากจะเปลี่ยนจากกุ้งอย่างเดียวเป็น ผัดผงกะหรี่ทะเล ก็สามารถเลือกเติมอาหารทะเลอื่น ๆ เช่น หอย ปลาหมึก ปู ปลา ลงไปได้ เราอยากแนะนำเคล็ดลับความหอมอร่อยด้วยการ นำ ปลา ไปย่างให้ได้ที่จนส่งกลิ่นหอมแล้วค่อยนำมาผัด หรือจะนำปลาไปทอดจนหอมกรอบอร่อยก่อนมาทำผัดผงกะหรี่ก็ได้ ก็จะทำให้ได้รส ผัดผงกะหรี่ทะเล ที่ส่งกลิ่นหอมของการทอดปลาหรือย่างปลานั่นเอง หรือจะเป็น ผัดผงกะหรี่ปลาเดี่ยว ๆ ก็บอกเลยว่าแซ่บมากกกกก ต้องลอง!

Categories
ขนมหวาน

ขนมทองหยอด

จึ้งมาก! ขนมทองหยอด สูตรชาววัง ทำง่ายๆ ไม่กี่ขั้นตอน


พอได้ทำงานจากที่บ้านนานหลายเดือน มีเวลาเยอะขึ้นจนได้ฝึกปรือการทำอาหารคาวกินเองมานาน จนตอนนี้บอกได้เลยว่าพร้อมลงประกวดมาสเตอร์เชฟซีซันหน้าแล้วล่ะ แต่แค่อาหารคาวอย่างเดียวดูจะไม่ครบรส ต้องมีเมนูขนมหวานมาเพิ่มสีสัน เพิ่มสกิลการเข้าครัวของเราให้เป็นระดับเทพ จัดมาเลยวันนี้กับเมนู ขนมทองหยอด แค่ฟังต้องขนลุกซู่ เพราะขนมจากในวังเมนูนี้ ต้องใช้ความบรรจง ละเอียดอ่อนพอสมควร ทว่าใจสู้ซะอย่าง แค่นี้จิ๊บ ๆ หมู ๆ ต่อให้ใช้งานฝีมือขนาดไหน ขนมหวานอร่อยเมนูนี้ปล่อยให้พลาดไปบ่าได้เลยยย


ส่องวิธีทำอย่างละเอียดขนมทองหยอด รสชาติในวังขนานแท้

ขนมทองหยอด

ส่วนผสมขนมทองหยอด


1. ไข่เป็ด 10 ฟอง
2. แป้งทองหยอด 1/4 ถ้วยตวง
3. น้ำตาลทราย 7 ถ้วยตวง
4. น้ำลอยดอกมะลิ 10 ถ้วยตวง

ขนมทองหยอด

วิธีทำทองหยอด


1. ทำการแยกไข่แดงออกจากไข่ขาว โดยนำไข่แดงแยกไว้ในผ้าขาวบาง
2. จากนั้นทำการกรองไข่แดงด้วยผ้าขาวบาง คั้นจนได้ไข่แดงที่เนียนสวย
3. นำไข่แดงที่ได้ตีด้วยตะกร้อหรือเครื่องตีให้ขึ้นฟู แล้วจึงเทแป้งตามลงไป ใช้ไม้พายคนให้เข้ากันอีกรอบ

ขนมทองหยอด

วิธียอดทองหยอด


1. ตั้งหม้อด้วยไฟแรง พร้อมใส่น้ำลอยดอกมะลิลงไป รอจนน้ำเดือด ตามด้วยน้ำตาลทราย เคี่ยวต่อเรื่อย ๆ ประมาณ 10 นาที หรือจนน้ำตาลละลาย ให้ตักออกมาส่วนหนึ่งเพื่อทำการใช้แช่ทองหยอดหลังจากการทอด
2. เริ่มทำการทอดทองหยอด โดยการใช้ปลายช้อนตักทองหยอดขึ้นมา แล้วใช้นิ้วโป้งดันทองหยอดลงไปในน้ำเชื่อมที่กำลังเดือด ประมาณ 2 นาที ให้เหยาะน้ำเปล่าลงไปเล็กน้อย และเบาไฟ เพื่อทำการเช็คว่าตัวทองหยอดสุกหรือยัง หากมีสีเหลืองเข้มแสดงว่าสุกแล้วให้ตักใส่ในน้ำเชื่อมที่เตรียมไว้ แช่ไว้ประมาณ 2-3 นาที เพื่อให้ทองหยอดอิ่มน้ำเชื่อม เป็นอันเสร็จ จัดใส่จานพร้อมหม่ำ ๆ ได้เลย


และนี่ก็เป็นวิธีทำทองหยอดง่ายๆ แต่ไม่ว่าจะเป็นในแบบฉบับของสูตรทองหยอดชาววัง หรือสูตรอื่น หลัก ๆ ทั้งส่วนผสมและวิธีทำจะเหมือนกับข้างต้น แสดงให้เห็นเลยว่าขนมไทยเมนูนี้ง่ายกว่าที่คิดไปอีก

ขนมทองหยอด

ใครที่ไม่เคยทำเมนูนี้ คงจะต้องงงวยกันแน่ว่าแป้งทองหยอด ทำมาจากอะไร ซึ่งเราก็มีคำตอบมาให้เพื่อน ๆ ว่าแป้งทองหยอดนั้น จริง ๆ แล้วก็คือ แป้งข้าวเจ้า แต่ได้ผ่านการอบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งแป้งทองหยอด คุณสมบัติของแป้งจะช่วยให้ตัวทองหยอดอ่อนนุ่ม ละมุน ดูมีความฉ่ำ ๆ สามารถหาซื้อได้ที่ตามร้านขายวัตถุดิบทำขนม หรือผ่านทางออนไลน์


วิธีทำขนมไทยอย่าง ขนมทองหยอด ไม่ได้ยุ่งยากเลยสักนิด และประโยชน์ของทองหยอดเรื่องสารอาหารก็ดีงาม เพราะวัตถุดิบหลักที่ทำจากไข่แดง มีส่วนช่วยในการบำรุงสมอง และไข่ยังช่วยในการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอในร่างกายอีกด้วย เอาตรง ๆ ตอนนี้อดใจไม่ไหวแล้ว ขอแว็บไปทำขนมไทยเมนูนี้ก่อนล่ะ บ๊ายยย…